BUSINESS

SCG เผย Q3/2557 กำไรหด 20% รวม 9 เดือนกำไรลดลง 13%
POSTED ON 31/10/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2557 เชื่อว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนปี 2558 เนื่องจากรัฐบาลมีการอัดฉีดงบประมาณต่างๆ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ใกล้ๆ กับไทย เช่น เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา และสปป.ลาว ก็จะมีการปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ส่วนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในไทยนั้น ภาพรวมช่วงไตรมาส 3/2557 ติดลบ 3% โดยเป็นการใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยคิดเป็น 52% ขณะที่การใช้ในส่วนของภาครัฐมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% และการใช้ในภาคธุรกิจ 18% ซึ่งความต้องการใช้ติดลบทุกภาค ส่วนไตรมาส 4 ความต้องการใช้เติบโตเป็นศูนย์ และภาพรวมทั้งปีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะไม่โตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

สำหรับในปี 2558 คาดว่าผลจากการเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งจะเริ่มมีการใช้ปูนซีเมนต์บางส่วนปี 2557 นี้ และจะเริ่มมีความต้องการใช้มากขึ้นไตรมาส 2-3 ปี 2558 จากการลงทุนภาครัฐ แต่จะมีการใช้ปูนซีเมนต์มากน้อยเพียงใดจะขึ้นอยู่กับผลการอัดฉีดงบประมาณว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าทั้งปี 2558 ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในภาพรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เท่านั้น

 

นายกานต์ ยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานของเอสซีจีในช่วงไตรมาส 3/2557 ด้วยว่า มีกำไรรวมทั้งสิ้น 7,846 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 ที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 124,275 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มขึ้น 9% ซึ่งสาเหตุที่กำไรลดลงนั้น เนื่องจากไตรมาส 3/2556 กำไรได้มาจากรายการพิเศษจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนใน บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด และบริษัท สยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด ถึง 1,701 ล้านบาท หากไม่นับรายการนี้กำไรไตรมาส 3/2557 ก็จะลดลงไม่มากนัก ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เอสซีจีมีกำไรอยู่ที่ 24,759 ล้านบาท โดยลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 จากยอดรายได้รวม 370,835 ล้านบาท

 

สำหรับธุรกิจเอสซีจีนอกประเทศไทยนั้น ในช่วงไตรมาส 3/2557 มีรายได้จากการขาย 11,204 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2556 ส่วนภาพรวมช่วง 9 เดือนแรกปี 2557 มีรายได้จากการขาย 32,565 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปี 2556

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2558 คณะกรรมการบริษัทจึงอนุมัติงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ในโครงการขยายการลงทุนธุรกิจปูนสำเร็จรูป-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ตามกลยุทธ์มุ่งสู่ผู้นำอย่างยั่งยืนในอาเซียน