BUSINESS

CWT เร่งศึกษาธุรกิจโซลาร์รูฟ หวังเป็นธุรกิจใหม่
POSTED ON 11/10/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (โซลาร์รูฟ) ที่จะติดตั้งบนหลังคาอาคารต่างๆ ซึ่งถ้าภายหลังศึกษาแล้วเป็นไปได้ในทางธุรกิจ บริษัทฯ ก็พร้อมเดินหน้าในการสร้างธุรกิจใหม่ที่จะทำให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตข้างหน้า

 

"เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา CWT ได้นำระบบตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของบริษัทฯ (ธุรกิจของเล่นสุนัข) ซึ่งได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก คุณภาพของสินค้าสะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ยกระดับคุณภาพของสินค้า ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า และช่วยอนุรักษ์พลังงาน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทางบริษัทฯ สนใจและเริ่มศึกษาระบบการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (โซลาร์รูฟ) ที่จะติดตั้งบนหลังคาอาคารต่างๆ เพื่อผลักดันไปสู่การใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าศึกษาแล้วมีความเป็นไปได้ ก็จะเดินหน้าทำธุรกิจนี้เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างแน่นอน" นายวีรพล กล่าว

 

นายวีรพล ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "บริษัทฯ ไม่คิดที่เป็นเพียงผู้ใช้ไฟฟ้า แต่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อประหยัดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว ซึ่งถ้ามีกำลังการผลิตที่เหลือจากการใช้ในโรงงานก็สามารถขายให้กับกับการไฟฟ้าฯ ได้อีก เป็นรายได้ให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานผลิตหนัง 3 แห่ง และโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งรวมพื้นที่หลังคาทั้งหมดแล้วน่าจะหลายหมื่นตารางเมตร ประเมินว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 5-6 เมกะวัตต์"

 

บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 4 ประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ฟอก และบริการฟอกหนัง (2) ผลิตภัณฑ์ของเล่นสัตว์เลี้ยง (3) ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์หนัง และ (4) ผลิตภัณฑ์เบาะหนังและชิ้นส่วนหนังสำหรับรถยนต์

 

โดยผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 938 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้แล้ว 413.27 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในปีถัดไป โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตมากกว่า 25% ต่อปี เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิมและจะเน้นการเพิ่มลูกค้าในต่างประเทศอีกด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการกลุ่มยานยนต์ประมาณ 60% และเป็นส่งออกโปรดักส์เกี่ยวกับเครื่องหนังอีกราว 40%