BUSINESS

EA เร่งเครื่องหนัก ลุยพลังงานแสงอาทิตย์-ลม
POSTED ON 19/09/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ตั้ง 5 บริษัทย่อย จัดโครงสร้างธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม แยกทรัพย์สิน-หนี้สินชัด เตรียมพร้อมขอสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน เชื่อแนวโน้มธุรกิจสดใส ทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดผลประกอบการปี 2557 เป็นไปตามเป้า

 

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ 5 บริษัท ได้แก่...

 

1. บริษัท อีเอ รีนิวเอเบิล โฮลดิง จำกัด (ERH) เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้งในกลุ่มธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า

2. บริษัท อีเอ โซล่า พิษณุโลก จำกัด (ESP) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก

3. บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 1 จำกัด (EWHK1) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา

4. บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 2 จำกัด (EWHK2) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

5. บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด (EWHK3) เพื่อเป็นบริษัทเจ้าของโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

 

"การจัดตั้งบริษัทย่อย 5 บริษัท เนื่องจากบริษัทฯ เตรียมที่จะขอสินเชื่อในรูปแบบสินเชื่อโครงการ ดังนั้น เพื่อให้สามารถแบ่งแยกทรัพย์สินและหนี้สินแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน" นายอมร กล่าว

 

นอกจากนี้ นายอมรยังกล่าวถึงแนวโน้มผลประการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า คาดว่ารายได้จากไบโอดีเซลน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับใช้ B7 ส่วนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน น่าจะส่งผลทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นลดลงบ้าง แต่โดยรวมไม่น่าจะแตกต่างจากครึ่งปีแรกมากนัก ซึ่งอาจจะทำให้รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

 

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังในส่วนของโรงไฟฟ้า บริษัทฯ พยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตไฟให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทฯ จะพยายามปรับปรุงระบบการผลิตให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อผลักดันรายได้ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

“การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ถือว่าบรรลุตามที่ได้วางแผน โดยเฉพาะในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ผลการดำเนินการในครึ่งปีแรกของบริษัทมีกำไรที่ปรับเพิ่มสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างชัดเจน” นายอมร กล่าว

 

ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมรายได้รวม 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 842 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 408.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 575% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 60.50 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ ที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนหน้า