BUSINESS

?ชาร์ป? ยังเชื่อมั่นไทย ลุยตลาด B2B คู่ขนานผู้บริโภคทั่วไป
POSTED ON 11/09/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - "นายมาซามิ โออุเอะ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ไทยมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว โดยมี "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยยังให้ความสำคัญกับไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่น่าลงทุน

 

ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายในไทยได้ดีเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน คือมีสัดส่วนประมาณ 10% ขณะที่อันดับ 2 คือ มาเลเซีย ทำยอดขายในสัดส่วน 15-20% และอันดับ 1 คือ อินโดนีเซีย ทำยอดขายในสัดส่วน 40%

 

สำหรับภาพรวมตลาดทีวีทั้งปี 2557 นั้นเชื่อว่าจะมีมากถึง 2.7 ล้านเครื่อง โดยมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นประมาณ 24% เมื่อเทียบกับปี2556 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อรองรับการเผยแพร่ภาพและเสียงในระบบดิจิตอลของไทย นอกจากนี้ การแข่งขันฟุตบอลโลกก็ช่วยกระตุ้นยอดขายแอลซีดีทีวีเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีอัตราการเติบโตถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งชาร์ปมีส่วนแบ่งอยู่ในอันดับ 6 ของตลาดรวมในไทย ซึ่งตั้งแต่ปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวแอลซีดีทีวีเพิ่มขึ้นอีก 25 รุ่น

 

“แผนการทำตลาดทีวีของชาร์ป จะรุกตลาดจอทีวีขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งเป็นจุดแข็งของชาร์ป เนื่องจากมีโรงงานผลิต 2 แห่ง ในญี่ปุ่น ขณะเดียวกันทีวีขนาดต่ำกว่า 40 นิ้ว มีสัดส่วนยอดขายถึง 70% ของตลาดรวม ดังนั้น ชาร์ปก็จะยังคงให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน” นายโออุเอะ กล่าว

 

ส่วนแผนธุรกิจของบริษัทฯ นับจากนี้ นอกจากรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไปอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการรุกตลาดลูกค้าองค์กร (B2B) โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งจะนำเสนอสินค้าประเภทเครื่องล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องถ่ายเอกสาร และแผงโซล่าเซลล์ โดยในเดือนกันยายน 2557 จะเริ่มทำการตลาดระบบไฟฟ้า LED และแผงโซล่าเซลล์ ในกลุ่มลูกค้า B2B ประเภทโกดังและศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้ว่าจ้างโรงงานจากไต้หวันเป็นผู้ผลิตระบบไฟฟ้า LED              

 

นายโออุเอะ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2557 ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากปัญหาการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงต้นปี ส่งผลให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าและตู้เย็นขนาดเล็ก ได้รับผลกระทบมาก ขณะที่ทีวีไม่ค่อยมีผลกระทบ แต่ก็ส่งผลต่อรายได้รวม จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 15% ก็ปรับลดเหลือไม่ถึง 10% ขณะที่ในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 10% แบ่งสัดส่วนยอดขายเป็น ทีวี 35% เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 50% แผงโซล่าเซลล์และเครื่องถ่ายเอกสาร 15%