ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัททีโอเอ เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ตลาดสีทาอาคารหรือประมาณ 48% ของมูลค่าตลาดรวมประมาณ 22,000-23,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดขายของทีโอเอในปีที่ผ่านมามีจำนวน 18,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยอดขายสี 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการส่งออก 15% ซึ่งที่ผ่านมาทีโอเอมีอัตราการเติบโตปีละกว่า 13% ทุกปี ส่วนปีนี้คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า

"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจแต่ยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ ส่วนในช่วงที่เหลือของปีก็เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีเพราะสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ซึ่งต้องลุ้นหลังหน้าฝนว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นมากหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นฤดูขายของตลาดสี" นายจตุภัทร์ กล่าว

จากการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งสีทาอาคารของไทย และในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน บริษัทฯ จึงต้องการขยายฐานลูกค้าไปยัง 10 ประเทศในภูมิภาคนี้ และต้องการเป็นผู้นำสีอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันทีโอเอทำตลาดแล้วใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์ และมาเลเซีย มีโรงงานใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สปป.ลาว, เมียนมาร์, มาเลเชีย และเวียดนาม ซึ่งหลังจากนี้บริษัทฯ จะเข้าไปทำตลาดในอีก 3 ประเทศที่เหลือคือ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และบรูไน

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ทีโอเอยังได้สานต่อพัฒนากลุ่มสินค้าสีทาอาคาร (Decorative) ทุกชนิดให้ปลอดสารปรอท ตะกั่ว โลหะหนักได้สำเร็จ และจะเดินหน้าขยายคุณค่าแห่งนวัตกรรมสินค้าไปสู่กลุ่มสินค้าอื่นๆ อาทิ กลุ่มสีอุตสาหกรรม กลุ่มงานไม้ โดยตั้งเป้าปรับจากสูตรน้ำมันเป็นสูตรน้ำ (Water Base) ให้ได้ภายในปี พ.ศ.2559 โดยปัจจุบันสินค้าสีเคลือบเงาสำหรับทาปูน ไม้ เหล็ก ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสูตรน้ำ (Water Base Enamel) สำเร็จแล้วนั้น คือ สีซุปเปอร์ชิลด์ อะควา กลอส ที่มีคุณสมบัติพิเศษไร้กลิ่นฉุนและปลอดสารระเหยที่เป็นพิษ (VOCs) ต่ำกว่าสีเคลือบเงาทั่วไปถึง 10 เท่า

สำหรับตลาดสีในไทยนั้น ปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสีทาอาคาร สัดส่วนกว่า 50% และสีอื่นๆ 50% อาทิ กลุ่มงานไม้ กลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมหนักและอื่นๆ โดยสีทีโอเอก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของตลาดสีทาอาคาร ที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ต่อเนื่องทุกปี ซึ่งในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท