ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจลูกค้าองค์กร หรือ B2B ที่บริษัทจะมีการรุกในลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมากขึ้นในปี 2557

โดยปัจจุบันครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โทรศัพท์มือถือ แท็บเลต และสินค้าไอที ที่จะสามารถรองรับกลุ่มลูกค้า B2B ทั้งหมด 8 กลุ่ม คือ (1) โรงพยาบาล (2) โรงแรม (3) ธุรกิจค้าปลีก (4) ธนาคาร สถาบันการเงินและประกันภัย (5) หน่วยงานราชการ (6) สถาบันการศึกษา (7) อสังหาริมทรัพย์  และ (8) ธุรกิจองค์กร

ในปี 2557 นี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัว Samsung Business Solutions Center ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 170 ตารางเมตร เพื่อเป็นห้องสาธิตการใช้การผลิตภัณฑ์ซัมซุงครบทุกหมวดหมู่ให้แก่ลูกค้าองค์กรกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับกลยุทธ์ในการบุกตลาด B2B ของบริษัทฯ ในปี 2557 นี้ จะเน้นย้ำกลยุทธ์การตอบโจทย์ทางธุรกิจใหม่ๆ ของลูกค้าองค์กร ด้วยการนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้าของซัมซุงมาผสานกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า เพื่อตอกย้ำการเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร จัดสัมมนาต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าองค์กร การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จต่างๆ กับความสำเร็จของซัมซุงที่ผ่านมา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มลูกค้า รวมถึงจัดเตรียมทีมงานที่มีประสบการณ์คอยสนับสนุนและพร้อมให้คำแนะนำ คำปรึกษา ให้ทุกองค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งในปี 2557 นี้มีแผนจะจัดทั้งสิ้น 70 กว่างาน ปัจจุบันจัดไปแล้ว 40 งาน โดยใช้งบการตลาด 10% ของยอดขายรวม

นายบุญเลิศ กล่าวว่า การแข่งขันในกลุ่มลูกค้า B2B ในปัจจุบันพบว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นในเรื่องโซลูชั่นต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า โดยเชื่อว่าภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 จะมีอัตราการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก 2557 ที่ผ่านมา

ปัจจุบันซัมซุงมีลูกค้ากว่า 2,000 องค์กร และตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า 30% ภายในสิ้นปี 2557 ซึ่งไทยสามารถทำรายได้ในส่วนของลูกค้ากลุ่ม B2B ได้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าลูกค้ากลุ่ม B2B มีสัดส่วนรายได้ 23% ภายในปี 2563 ด้วยจุดแข็งของซัมซุง คือ ความเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันซัมซุงมีสิทธิบัตรทางด้านเทคโนโลยีมากเป็นอันดับ 2 ในอเมริกามานานกว่า 8 ปี และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป