ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ พีดีไอ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานว่า ภายหลังบริษัทฯ ได้จัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยนำองค์กรมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างผลกำไรและการเติบโตอย่างยั่งยืน และรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่มีโอกาสในอนาคตและให้ผลตอบแทนสูง

โดยจัดโครงสร้างธุรกิจเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) พีดีไอ แมททีเรียล ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์โลหะเพื่อการพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน ที่เน้นผลิตภัณฑ์สังกะสีที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น โลหะผสม (2) พีดีไอ อีโค ดำเนินธุรกิจการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่เน้นการรีไซเคิลและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และ (3) พีดีไอ เอนเนอร์ยี (PDI Energy) ก่อสร้างและบริหารโรงงานผลิตพลังงานทดแทน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมและชีวมวล เป็นต้น เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ต่อจากนี้ไปในช่วง 3 ปี (พ.ศ.2558-2560) บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1.5 พันล้านบาท สำหรับการลงทุนทางด้านการจัดการกากของเสียและพลังงานทดแทน โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารบริษัทฯ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าชีวมวล และโครงการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้ในหลายโครงการเริ่มมีความคืบหน้าแล้ว โดยจะใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นหลักและส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน

นายฟรานซิส กล่าวอีกว่า นอกจากบริษัทฯ จะปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการสนองต่อนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาขยะของประเทศ และยังเป็นการส่งเสริมพลังงานทดแทนให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะการลงทุนที่มีการพิจารณาทบทวนกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความซ้ำซ้อนและความล่าช้าในขั้นตอนการขอใบอนุญาตที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุน

ส่วนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกนั้น บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 72 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นจำนวน 434 ล้านบาท สูงขึ้นมากกว่า 5 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรขั้นต้น 85 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 จำนวน 2.729 พันล้านบาท

สาเหตุที่บริษัทฯ มีกำไรสูงขึ้นมาก เนื่องจากภาวะตลาดและราคาโลหะสังกะสีที่ปรับตัวดีขึ้น และการอ่อนค่าของเงินบาท โดยในครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ 2.051 พันดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.937 พันดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับค่าพรีเมียมของโลหะสังกะสีในตลาดปีนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกเงินบาทอ่อนค่าเป็น 32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดโลหะสังกะสีโลกยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นผลดีต่อบริษัทฯ เนื่องจากภาวะราคายังมีแนวโน้มปรับตัวค่อนข้างดี

ผาแดงอินดัสทรีฯ ดำเนินธุรกิจผลิตโลหะสังกะสีคุณภาพสูงมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี  โดยมีผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วย โลหะสังกะสีแท่งบริสุทธิ์และโลหะสังกะสีผสม ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมชุบเคลือบด้วยสังกะสีและอุตสาหกรรมหล่อขึ้นรูปชิ้นงาน