BUSINESS

SPCG ดอดคุย "เคียวเซร่า" หวังร่วมลงทุนโซลาร์เซลในญี่ปุ่น
POSTED ON 22/08/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยถึงความสำเร็จของการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มของกลุ่มบริษัท SPCG ว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน จำนวนรวม 36 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 25,000 ล้านบาท

 

SPCG สามารถจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท สามารถนำไปชำระหนี้เงินกู้ส่วนทุน ลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน ปลดล็อกการขยายธุรกิจและการจ่ายเงินปันผล

 

สำหรับผลประกอบการงบการเงินรวม SPCG สิ้นสุดไตรมาส 2/2557 มีกำไรสุทธิ 745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 458 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 287 ล้านบาท ในปีนี้บริษัทฯ จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 40% จากปีก่อนที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท

 

และเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จในการพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2557 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 8สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 หุ้นละ 40 สตางค์ จำนวน 923,990,000 หุ้น ทั้งนี้ได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2557 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้น ในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 และกำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 5 กันยายน 2557

 

น.ส.วันดี กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งจากการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) โดยเปิดรับการซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงปี 2557-2558 รวมกำลังการผลิต 1,445.36 เมกะวัตต์ (MW) มีมูลค่ารวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าจะได้งานไม่น้อยกว่า 20-25% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในการลงทุนในต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนร่วมกับพันธมิตรอย่างบริษัท เคียวเซร่า เพื่อลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 2 โครงการ แบ่งเป็นขนาด 50 เมกะวัตต์ และ 100 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 10% ขณะที่เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มครบ 261.1 เมกะวัตต์เต็มปี ก็จะทำให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ก็จะนำเงินจากผลการดำเนินงานไปทยอยชำระหนี้เพื่อลด D/E และเพิ่มศักยภาพด้านเงินทุนรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต