ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาพรวมของสภาวะทางเศรษฐกิจที่ถดถอยลงไป ประกอบกับมีปัญหาการเมืองที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวของจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักไม่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ส่งผลให้การเติบโตของบริษัทฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ตามแผน ในปีนี้บริษัทฯ จึงได้มีการปรับเป้าอัตราการเติบโตเหลือแค่ 10% หรือมียอดขายอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท จากเป้าเดิมวางไว้ที่ 15%

สำหรับภาพรวมของตลาดขนมขบเคี้ยวหรือสแน็กในเมืองไทยมีมูลค่าราว 30,000 ล้านบาท มีการติดลบอยู่ที่ 1% นับว่าตลาดเกิดการติดลบในรอบ 10 ปี จากปกติต้องมีการเติบโตอยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก แต่ในส่วนของตลาดข้าวโพดคั่วจะมีการเติบค่อนข้างมากหรือประมาณ 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 บริษัทฯ มองว่าตลาดดังกล่าวค่อนข้างจะมีศักยภาพ จึงได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ข้าวโพดคั่วแบบซอง “เถ้าแก่ต๊อบ” ตั้งเป้าที่จะมียอดขายในปีแรกอยู่ที่ 100 ล้านบาท และสามารถเป็นอันดับ 1 ในใจผู้บริโภคได้ภายใน 4-5 ปี

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้อีก 10 ปี วางแผนที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์สินค้าระดับโลก และมีรายได้ในขณะนั้นอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากในตอนนี้เถ้าแก่น้อยสามารถเป็นรีจินอลแบรนด์ได้แล้ว จากการจำหน่ายสินค้าไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสัดส่วนมากกว่า 50% อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในอีก 5 ปีเถ้าแก่น้อยจะขึ้นเป็นเอเชียแบรนด์

พร้อมกันนี้เพื่อรองรับการขยายตัวธุรกิจของบริษัทฯ จึงได้เตรียมลงทุนเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตภายใต้งบลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตมีมูลค่าเพิ่มขึ้เป็น 7,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมออกสินค้าใหม่อีก 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ในปีหน้า และจะเดินหน้าออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซีทูฟาร์ม (Sea to Farm)” ซึ่งการเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจในตลาดที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จะมองหาตลาดที่มีศักยภาพ และโอกาสในการเติบโตได้อีกในอนาคตมากกว่า