BUSINESS

?อิชิตัน? ร่วมทุน "พีที" ผลิตเครื่องดื่มขายในอินโดฯ
POSTED ON 28/08/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า หลังจากที่อิชิตัน กรุ๊ป ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด หรือ AP ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อก่อตั้งบริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 1,000 ล้านบาท ในสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 ไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา โดย AP เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท พีที ซิกมันทรา อัลฟินโด้ จำกัด ประเทศอินโดนีเซีย และบริษัท มิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

 

ทั้งนี้ บริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย จำกัด จะเริ่มนำเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “อิชิตัน” ทุกชนิด เข้าไปจำหน่ายในอินโดนีเซีย (ยกเว้นนมและแอลกอฮอลล์) ภายในไตรมาส 1/2558 ผ่านช่องทางการจำหน่ายของร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อ ของพันธมิตร ภายใต้แบรนด์ “อัลฟ่า มาร์ท” และ “ลอว์สัน” ที่ปัจจุบันมีเกือบ 10,000 สาขา

 

โดยในระยะแรกจะนำเครื่องดื่มชาเขียวเข้าไปจำหน่ายก่อน 2 รสชาติ คาดว่าภายในปีแรกจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ 1,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานผลิตที่อินโดนีเซียทันที และจะถือว่าเป็นโรงงานแห่งแรกที่มีเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในอินโดนีเซีย จากปัจจุบันโรงงานในอินโดนีเซียจะเป็นโรงงานระบบเก่า ใช้แรงงานคนในการผลิต คาดว่าจะใช้งบในการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนในปีที่ 2 ตั้งเป้ายอดขาย 2,500 ล้านบาท และจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อเป็น 20,000 สาขา ภายในระยะเวลา 6 ปี

 

นายตัน กล่าวว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี คาดว่าจะสามารถทำยอดขายในอินโดนีเซียได้ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่ในไทยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 15,000 ล้านบาท รวมเป็น 25,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในไทยอยู่ที่ 65% และต่างประเทศ 35% จากปัจจุบันที่อิชิตัน กรุ๊ป มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 1% และในปี 2558 จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 5%

 

อย่างไรก็ตาม การทำตลาดในอินโดนีเซียนั้นถือว่าสามารถดำเนินการได้ง่าย เพราะกฎหมายไม่เข้มงวดเหมือนในไทย ส่วนจะเป็นการทำตลาดในรูปแบบใดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ทั้งนี้ หากทำยอดขายได้ตามเป้า 10,000 ล้านบาท ก็อาจจะพิจารณาการลงทุนในประเทศอื่นๆ ต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มองที่เวียดนามเป็นลำดับถัดไป แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

 

“ปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องดื่มชาในอินโดนีเซียค่อนข้างรุนแรงเช่นเดียวกับในไทย มีผู้ประกอบการในตลาดประมาณ 10 ราย แต่ไม่มีใครมีความได้เปรียบอย่างโดดเด่น โดยตลาดชาพร้อมดื่มในอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 73,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% แบ่งสัดส่วนตลาดเป็นชาเขียว 13% และชาดำ 87% หากเราเข้าไปสร้างโรงงานผลิตได้ ก็จะเป็นโรงงานแห่งแรกในอินโดนีเซียที่มีเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด เพราะปัจจุบันสัดส่วน 75% ในอินโดนีเซียจะเป็นเครื่องดื่มที่มีบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเป็นขวด PET มากขึ้น” นายตัน กล่าว

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานของอิชิตัน กรุ๊ป มีกำลังการผลิตโดยรวมของเครื่องดื่มทุกประเภท 1,000 ล้านขวด และถึงสิ้นปี 2557 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านขวด ส่วนหนึ่งเป็นการรับจ้างผลิตให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย และมียอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท เติบโต 10-20%