BUSINESS

กลุ่มไทคอน เตรียมทุ่มกว่า 8 พันล้านบาท ขยายโรงงานและคลังสินค้า
POSTED ON 08/08/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไทคอนผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กลุ่มไทคอนยังคงเดินหน้าลงทุนขยายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าพร้อมให้เช่า โดยมีการสร้างพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ตารางเมตร และคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้นอีก 250,000–300,000 ตารางเมตร ทั้งนี้เพื่อเตรียมรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้น และการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยยังคงเป้าหมายเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ารวม 250,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปี 2557และได้ปรับเป้าการเพิ่มพื้นที่โรงงานให้เช่าเป็น 70,000 ตารางเมตร จากเดิมตั้งไว้ที่ 100,000 ตารางเมตร

 

ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 กลุ่มไทคอนมีกำไรสุทธิรวม 149 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้หลักมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 541 ล้านบาท สำหรับรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการมีจำนวน 428 ล้านบาท

 

ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก ธุรกิจโรงงานให้เช่า และคลังสินค้าให้เช่า มีการชะลอตัวลงบ้างจากปัญหาทางการเมือง ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการตัดสินใจลงทุน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนอยู่บ้าง แต่หลังจากเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเริ่มมีความมั่นใจและทะยอยกลับมาลงทุนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ความต้องการโรงงานและคลังสินค้ากลับฟื้นตัวขึ้นอีก โดยความต้องการส่วนใหญ่ยังคงมาจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค โมเดิร์นเทรด และโลจิสติกส์ โดยในช่วงครึ่งปีแรก ลูกค้าของกลุ่มโรงงานส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ร้อยละ 64 ยุโรป ร้อยละ 17 และ อื่นๆ ร้อยละ 19 อีกทั้งลูกค้าในกลุ่มคลังสินค้าส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น ร้อยละ 39 ยุโรป ร้อยละ 33 และ อื่นๆ ร้อยละ 28

 

สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 นายวีรพันธ์ กล่าวว่า “กลุ่มไทคอนจะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่ตั้งเป้าไว้ โดยในส่วนของโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า ไทคอนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (สุวรรณภูมิ) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด โครงการนี้มีขนาดพื้นที่รวม 107 ไร่จะพัฒนาเป็นโรงงานสำเร็จรูปขนาดตั้งแต่ 550 – 4,200 ตารางเมตร จำนวนทั้งสิ้น 41 ยูนิต โดยเฟสแรกของโครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่เดือนกันยาน 2557 นี้ นอกจากนี้ ไทคอนจะเดินหน้าพัฒนาโรงงานเพิ่มบนที่ดินที่ได้จัดเตรียมไว้ในปีที่ผ่านมา และล่าสุดได้ตกลงซื้อที่ดินเพิ่มอีก 290 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี”

 

ด้าน นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK กล่าวว่า “ในรอบครึ่งแรกของปี 2557 ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่ายังคงไปได้ดี ซึ่งเป็นผลจากการที่กำลังซื้อโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆตามภูมิภาคของประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเตรียมรองรับการขยายตัวของ ภาคธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค Modern Trade กลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และวัสดุก่อสร้าง เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ทั้งนี้ TPARK ยังคงใช้กลยุทธ์หลักที่เน้นความพร้อมใช้ (Availabilities) อย่างต่อเนื่อง

 

TPARK ได้เดินหน้าตามแผนขยายธุรกิจไปยังทั่วทุกภาคของประเทศ โดยใช้งบประมาณ 3,600 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-5 ปี ในการพัฒนาโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บนที่ดินที่ได้จัดเตรียมไว้ในจังหวัดขอนแก่นเนื้อที่ 173 ไร่สุราษฎร์ธานีเนื้อที่ 70 ไร่ และลำพูน เนื้อที่ 162 ไร่ ซึ่งเมื่อโครงการทั้งสามแห่งเสร็จสมบูรณ์จะทำให้ TPARK มีพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้นรวมทั้งสามโครงการอีกกว่า 300,000 ตารางเมตร โดยจะมีพื้นที่คลังสินค้าพร้อมทยอยให้เช่าได้เริ่มตั้งแต่ไตรมาสสองของปี 2558 เป็นต้นไป

 

สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 นั้น TPARK จะยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าในโครงการที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเขตบางพลีบางนา และวังน้อย ซึ่งมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งการให้บริการด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าจะเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ยังคงสานต่อการเจรจาขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอาเซียน”

 

ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจ TPARK จะเน้นการพัฒนาคลังสินค้าที่มีรูปแบบและคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า (Built to Suit : BTS) ซึ่งนอกจากข้อได้เปรียบของ TPARK ด้านสถานภาพการเงินที่แข็งแกร่ง และการมีที่ดินพร้อมใช้ในหลากหลายทำเลสำคัญๆ แล้ว TPARK ยังมีทีมงานของตนเองที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานจากการร่วมทำงานกับบริษัทในกลุ่มไทคอน ซึ่งพร้อมให้บริการตามความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ผู้รับเหมาจากภายนอกบริษัท ทำให้ TPARK มีความคล่องตัวสูงสามารถให้คำปรึกษาและออกแบบคลังสินค้าตามความต้องการของลูกค้าพร้อมกับควบคุมคุณภาพการก่อสร้างให้ได้มาตรฐานในเวลาที่กำหนด เพื่อให้แผนการดำเนินงานของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่น

 

คลังสินค้าแบบ BTS ที่ TPARK พัฒนาขึ้นมีหลายรูปแบบเพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่หลากหลายของแต่ละลูกค้า เช่น คลังสินค้าแบบ Cross-Dock ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้ากลุ่ม Modern Trade คลังสินค้าห้องเย็น และ คลังสินค้าสำหรับจัดเก็บวัตถุอันตราย ลูกค้าของกลุ่มBTSเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 10,706 ตารางเมตร ในปี 2551 เป็น 267,000 ตารางเมตร ในปัจจุบัน

 

กลุ่มไทคอนคาดว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสภาวะการเมืองและนโยบายด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการกลับมาเดินหน้าลงทุนในโครงการต่างๆ ที่ชะลอไว้ อีกทั้งจากการที่ไทคอนได้ร่วมเดินสายโรดโชว์ไปกับตลาดหลักทรัพย์และสถาบันการเงินต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทยในด้านการเป็นฐานการผลิต และเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน

 

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ไทคอนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Yokohama Industrial Development Corporation - IDEC ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้การสนับสนุนเอสเอ็มอี จากญี่ปุ่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยไทคอนจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเช่าโรงงานและการจัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับการตั้งโรงงาน ในประเทศไทยผ่านการจัดสัมนา ซึ่ง IDEC จัดให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศญี่ปุ่นที่สนใจจะมาลงทุนในไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมพลาสติก นอกจากนี้ ทางไทคอนจะเป็นผู้นำชมโครงการโรงงานให้เช่าในประเทศไทยอีกด้วย