BUSINESS

IRPC เล็งร่วมทุน PTTGC ต่อยอดพาราไซลีน
POSTED ON 14/08/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - แหล่งข่าวจากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ไออาร์พีซี ในเดือนสิงหาคม 2557 นี้ จะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนของไออาร์พีซี 5-6 โครงการ โดยหนึ่งในจำนวนนี้คือโครงการร่วมทุนบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีจีซี มูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อต่อยอดโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) 1.21 ล้านตันต่อปี และเบนซิน3.72 แสนตันต่อปี เนื่องจากทั้งไออาร์พีซีและพีทีทีจีซีต่างก็มีวัตถุดิบเพื่อผลิตพาราไซลีน หากสามารถลงทุนร่วมกันได้จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นและผลตอบแทนก็ดีขึ้นด้วย โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเห็นความชัดเจนก่อนสิ้นปีนี้

 

นอกจากนี้ ไออาร์พีซียังคงแผนลงทุน 5 ปี (2557-2561) วงเงิน 6.5 หมื่นล้านบาท โดยเตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาภายในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน เนื่องจากต้องการให้โครงการการลงทุนต่อเนื่องโครงการ (UHV) ภายใต้โครงการฟีนิกซ์เสร็จสิ้นภายในปี 2558 ซึ่งใช้เงินไปบางส่วนแล้ว อีกทั้งยังมีโครงการต่อยอดฟีนิกซ์ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนก่อน โดยมี 6 โครงการ ได้แก่ โครงการผลิตพาราไซลีน 1.21 ล้านตันต่อปี และเบนซิน 3.72 แสนตันต่อปี, โครงการผลิตโพลิโพรพิลีน คอมพาวด์ (PPC) 3 แสนตันต่อปี, โครงการผลิตโพลิออล 1 แสนตันต่อปี, โครงการผลิตอะคริลิก แอซิด/ซูเปอร์ แอบซอฟเบนต์ โพลิเมอร์ (AA/SAP) กำลังการผลิต AA 1 แสนตันต่อปี และ SAP 8 หมื่นตันต่อปี, โครงการ Bio-Hydrogenated Diesel (BHD)2 ล้านลิตรต่อเดือน และโครงการผลิตสไตรีน โมโนเมอร์ (SM) 3.50 แสนตันต่อปี

 

“ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ไปจนถึงปีหน้า จะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกและจีนดีขึ้น ส่งผลต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะเติบโตตาม เป็นผลดีต่อการดำเนินงานของไออาร์พีซีด้วย เพราะกำไรที่ได้จะปรับสูงขึ้น ซึ่งไออาร์พีซีได้เตรียมความพร้อมโครงการหรือโรดแมปที่ชัดเจนด้านการลงทุนแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว

 

ด้าน นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภาพรวมเชื่อว่าจะดีขึ้น โดยธุรกิจปิโตรเคมี ได้แก่ อะโรแมติก และโอเลฟิน มีส่วนต่างราคาหรือสเปรดสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ในส่วนของโรงกลั่นยังไม่ค่อยฟื้นตัวมากนัก โดยเฉพาะราคานํ้ามันดีเซล และนํ้ามันเตา ที่ปรับลดลงจากความต้องการใช้ที่ลดลง แต่ก็ยังเชื่อว่าในช่วง 1- 2เดือนนี้ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นจะดีขึ้น จากกำลังการผลิตในตลาดโลกที่ลดลง ดังนั้น บริษัทฯ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายค่าการกลั่นรวม (GIM) ปีนี้อยู่ที่ 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมาจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร (DELTA) ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

สำหรับความคืบหน้าการปิดซ่อมหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตา (VGOHT) ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ก่อนหน้านี้ มีความคืบหน้าไปมากซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาปิดซ่อม 10เดือน โดยจะเปิดดำเนินการได้ภายในต้นปีหน้า แต่ในส่วนของหน่วยเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตา (DCCPlant) ซึ่งอยู่ใกล้หน่วย VGOHT ขณะนี้กลับมาเดินเครื่องได้ 70% แล้ว และนำเข้าวัตถุดิบทดแทนไปก่อน ทำให้ลดผลกระทบลงไปได้มาก ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่สรุปตัวเลขที่ชัดเจนออกมา แต่เท่าที่หารือกับทางบริษัทประกันภัยคาดว่าวงเงินชดเชยจะทยอยเข้ามาภายในปีนี้

 

บริษัทฯ ได้ทำประกันภัยไว้ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตามเงื่อนไขบริษัทจะจ่ายค่าเสียหายของอุปกรณ์จำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าประกันจากธุรกิจหยุดชะงัก 5-10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นระยะเวลา 2 เดือน นอกเหนือจากนั้น บริษัทสามารถเคลมประกันได้