BUSINESS

ราชบุรีโฮลดิ้ง เผย กู้โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร 4.7 พันล้านบาท ฉลุย
POSTED ON 04/06/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร กำลังการผลิต 122 เมกะวัตต์ มูลค่า 6,360 ล้านบาท ประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้มูลค่า 4,770 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อร่วมระหว่างธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทย มีระยะเวลา 20.5 ปี

 

ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร เป็นโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ประเภทโคเจนเนอเรชั่น กำหนดจะเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2559 โดยแหล่งที่มาของเงินลงทุนประกอบด้วย เงินทุนของผู้ถือหุ้น จำนวน 1,590 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงทุนของบริษัทฯ จำนวน 636 ล้านบาท และการจัดหาเงินกู้อีกจำนวน 4,770 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้แล้วเสร็จตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

 

“การพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้านวนคร อยู่ในช่วงการเตรียมความพร้อมเพื่อการก่อสร้างโครงการหลังจากที่รายงานการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการได้ผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่มีนัยสำคัญของการพัฒนาโครงการมาก ขณะนี้โครงการฯ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการออกแบบเครื่องจักรและอุปกรณ์หลักของโรงไฟฟ้าขั้นสุดท้าย และจะเริ่มเบิกเงินกู้งวดแรกในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเริ่มงานก่อสร้างโครงการในไตรมาส 3 บริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการผลิตไฟฟ้านวนครจะดำเนินการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับ กฟผ. และสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ นับตั้งแต่กลางปี 2559 เป็นต้นไป” นายพงษ์ดิษฐ กล่าว

 

โครงการผลิตไฟฟ้านวนครโคเจนเนอเรชั่น ดำเนินการโดยบริษัท ผลิตไฟฟ้านวนคร จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง 3 ฝ่าย คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 40 บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วนฝ่ายละร้อยละ 30

 

โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ผลิตไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง จำหน่ายให้แก่ กฟผ. 90 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี ส่วนอีก 32 เมกะวัตต์ จะผลิตและจำหน่ายแก่โรงงานอุตสาหกรรมภายในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร เช่นเดียวกับไอน้ำ ซึ่งมีกำลังผลิต 15 ตันต่อชั่วโมง โดยโครงการนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ด้านการยกเว้นภาษี จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เป็นระยะเวลา 8 ปี