BUSINESS

ปตท. แย้ม เตรียมเปิดแบรนด์ใหม่ แยกธุรกิจน้ำมันออกมา
POSTED ON 04/06/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมศึกษาการแยกธุรกิจออกมาจาก ปตท. และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าธุรกิจน้ำมันของ ปตท. แม้จะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของไทย แต่ไม่ได้มีกำไรมากอย่างที่มีกระแสข่าวโจมตี ปตท.ในสังคมออนไลน์

 

นอกจากนี้ ยังเตรียมศึกษาตั้งตราสินค้า (แบรนด์) น้ำมันขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้แบรนด์สินค้าไปใช้ชื่อเดียวกับ บริษัท ปตท. เพราะการใช้ชื่อเดียวกันจะทำให้สังคมออนไลน์สร้างกระแสความเกลียดชัง ปตท.ได้ง่าย ทั้งที่การทำธุรกิจของ ปตท.ถูกต้องตามหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) อย่างเคร่งครัดตลอดมา

 

"อาจจะถึงเวลาแล้วที่ ปตท.จะต้องศึกษาเพื่อแยกธุรกิจน้ำมันออกมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้สังคมเห็นและเข้าใจอย่างชัดเจนว่าธุรกิจน้ำมันของ ปตท.ไม่ได้มีกำไรสูง เพราะหากเป็นเช่นนั้น บริษัทน้ำมันต่างชาติหลายรายอย่าง เจ็ท เปโตรนาส คิวเอท คงไม่ขายกิจการน้ำมันในประเทศไทยทิ้งไป" นายไพรินทร์ กล่าว

 

นายไพรินทร์กล่าวถึงประเด็นที่มีการโจมตี ปตท.ในสังคมออนไลน์ว่า ปตท.มีกำไรจากธุรกิจน้ำมันถึงแสนล้านบาทว่า เป็นความเข้าใจผิด เพราะกำไรแสนล้านบาทของ ปตท. 43% มาจากธุรกิจที่ ปตท.ดำเนินการเอง ได้แก่ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ส่วนอีก 57% มาจากบริษัทลูกที่ ปตท.เข้าไปลงทุน โดยกำไรของ ปตท.แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดขายเกือบสามล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก

 

ด้าน นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงกลั่นจะกลับมาเปิดดำเนินการในวันที่ 15 มิ.ย.2557 ตามแผนหลังปิดซ่อมบำรุงใหญ่ไป 46 วัน โดยที่ผ่านมาไม่สามารถเร่งให้เร็วกว่าแผนตามที่ตั้งใจไว้ได้ เนื่องจากติดการประกาศเคอร์ฟิว พนักงานจึงไม่สามารถทำงานกลางคืนได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อโรงกลั่นกลับมากลั่นตามปกติแล้วจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2557 นี้ ผลดำเนินการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่มีกำไรก่อนหักค่าเสื่อมและอื่นๆ (อีบิทด้า) ที่ 10,000 ล้านบาท แม้ว่าในขณะนี้ยอดขายปลีกน้ำมันจะต่ำกว่าเป้าหมายที่จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% แต่รายได้อื่นๆ โดยเฉพาะกิจการไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ยังเข้ามาต่อเนื่อง

 

ขณะที่ทางด้าน ม.ร.ว.ศุภดิส ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบาฟส์ เปิดเผยว่า บาฟส์เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ เพื่อขอเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างท่อส่งน้ำมันจากคลังน้ำมันบางปะอินของบาฟส์ไปยังจังหวัดพิษณุโลกและลำพูน เนื่องจากที่ผ่านมาได้แสดงความสนใจลงทุนก่อสร้างและว่าจ้างศึกษาแผนก่อสร้างแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจหรืออนุมัติจากภาครัฐ เพราะมีหลายหน่วยงานทำการศึกษาทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจว่าจะใช้เงินลงทุนที่ประหยัดกว่า โดยคาดว่าจะไม่เกิน 6,500 ล้านบาท ขณะที่รายอื่นวางท่อไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท