BUSINESS

STA อัดงบกว่า 7 พันล้านบาท สร้างโรงงานยาง 14 โรง
POSTED ON 05/05/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการ บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า ในปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกยางแท่ง ยางแผ่น และน้ำยางข้นได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.3 ล้านตัน คิดเป็นมาร์เก็ตแชร์ 10% ของการส่งออกยางทั่วโลก 11.3 ล้านตัน โดยบริษัทส่งออกไปจีน 5.6 แสนตัน เติบโตเพิ่มขึ้น 35% ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่งออก 1.5 ล้านตัน

 

ผลผลิตยางทั่วโลกในปีที่ผ่านมา 11.7 ล้านตัน ความต้องการใช้อยู่ที่ 11.3 ล้านตัน ผลผลิตเกินความต้องการ 4 แสนตัน ในปีนี้ผลผลิตจะเกินความต้องการประมาณ 2 แสนตัน ราคายางที่ตกต่ำในช่วงนี้ถือว่าต่ำสุดแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายอะไรเกิดขึ้นอีก ส่วนประเด็นทางออกการยกระดับราคายาง หากรัฐสนับสนุนการโค่นยางแก่จากปีละ 3 แสนไร่ เป็นปีละ 5 แสนไร่ หรือ 1 ล้านไร่ ในระยะสั้นราคายางพร้อมไต่ขึ้นไปถึง กก.ละ 70-80 บาทได้ จากปัจจุบันน้ำยางสด ยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควันอยู่ที่ กก.ละ 60-63-64 บาท ตามลำดับ

 

สำหรับแผนการลงทุนในช่วงนี้ บริษัทฯ ได้เน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมกลางน้ำ โดยลงทุนโรงงานผลิตยางแท่งที่มีความต้องการมากในการผลิตยางรถยนต์และอื่นๆ 14 โรง โรงละประมาณ 500 ล้านบาท กำลังการผลิตแห่งละ 5,000 ตัน/เดือน หรือ 60,000 ตัน/ปี ขณะนี้เปิดดำเนินงานแล้วในจังหวัดบึงกาฬ บุรีรัมย์ มุกดาหาร อุดรธานี อุบลราชธานี พิษณุโลก และกำลังจะเปิดดำเนินงานในจังหวัดสระแก้ว เลย เชียงราย จันทบุรี และกาฬสินธุ์ คาดว่าจะเปิดได้ครบต้นปี 2559 ส่วนในต่างประเทศ หลังจากที่เปิดโรงงานในอินโดนีเซียแล้ว 2 โรง โรงละประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าในเร็วๆ นี้จะเปิดได้อีก 1 โรง รวมเป็น 3 โรงในอินโดนีเซีย

 

ในอนาคตบริษัทฯ จะลงทุนอุตสาหกรรมปลายน้ำมากขึ้น ล่าสุดบริษัทฯ ได้เสนอต่อรัฐบาลขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 4,000 ล้านบาทที่ภาครัฐจะให้อุตสาหกรรมยางและสหกรณ์ทั่วประเทศกู้ในวงเงิน 15,000 ล้านบาทในการปรับปรุงเครื่องจักรและสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มการผลิตถุงมือยางอีก 5,700 ล้านชิ้น/ปี จากปัจจุบันที่ผลิต 1.4 หมื่นล้านชิ้น/ปี

 

ทางด้าน นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เปิดเผยว่า จากการที่สถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำในช่วงนี้นั้น นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ สกย.เตรียมเสนอการแก้ไขปัญหาระยะสั้นและยาวแก่เกษตรกรที่ปลูกยาง โดยในระยะสั้น สกย.เตรียมเสนอเรื่องการสร้างความเข้าใจสถานการณ์ยางแก่เกษตรกร การเพิ่มวงเงินซื้อปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพ การรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์เพื่อสร้างความยั่งยืน ต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เช่น การกรีดยางเมื่อเติบโตได้ขนาด การกรีดให้ถูกวิธี การใส่ปุ๋ยให้ถูกต้อง การปลูกพืชคลุมดินเพื่อตรึงไนไตรเจน ความชื้น การคลุมวัชพืชแก่ต้นยาง ทำให้ลดต้นทุนการผลิตลงไปมาก รวมทั้งกรีดยางได้เร็วขึ้นจากอายุ 7 ปี ลงมาเหลือ 6 ปี เป็นต้น แต่ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์พืชคลุมดินมีราคาแพง ส่วนในระยะยาว ต้องเปลี่ยนพันธุ์ยางใหม่ จากพันธุ์ที่ให้ผลผลิต 290 กก./ไร่/ปี เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิต 400 กก./ไร่/ปี และเกษตรกรต้องมีอาชีพเสริม

 

นายประสิทธิ์กล่าวต่อว่า ล่าสุด สกย.ได้ร่วมมือกับบริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA จัดโครงการฝึกอบรมเกษตรกร ภายใต้หลักสูตร "การพัฒนาฝีมือช่างกรีดยาง" ในพื้นที่ สกย.จังหวัดพิษณุโลก แพร่ เชียงราย น่าน และนครพนม เนื่องจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการปลูกยางเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 ล้านไร่