BUSINESS

เอเชีย กรีนฯ จัดทัพทีมบริหาร เร่งลุยธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า
POSTED ON 28/04/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี ได้กล่าวถึง การขยายการลงทุนภายใต้ บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ตั้งแต่ง "นายสมศักดิ์ ธนกิจวัฒนา" ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ เพื่อดูแลโครงการโรงไฟฟ้า ตามแผนการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนในธุรกิจปลายน้ำ โดยการจัดตั้งโครงการโรงไฟฟ้า รวม 100 เมกะวัตต์ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่านายสมศักดิ์มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงาน ดังนั้น จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพภายในองค์กรได้อย่างมาประสิทธิภาพมากขึ้น

 

พร้อมทั้งยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจ โรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 9 เมกะวัตต์ แห่งที่ 3 ภายใต้ บริษัท เอจีอี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา กรณีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสรุปดีลได้ภายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท

 

“บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด มีแผนขยายโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเฉลี่ย 2-3 โครงการต่อปี โดยในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้มีโครงการในมือแล้ว 2 โครงการ โดยโครงการที่ 1 คือ โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าขนาด 3 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงงานไฟฟ้าชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ และโรงงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 170 ล้านบาท และ โครงการที่ 2 คือ โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่น ขนาด 9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการแรกในไตรมาส 1/2558” นายพนม กล่าว

 

นายพนม ยังกล่าวเสริมด้วยว่า หลังจากนี้ต่อไปบริษัทฯ จะมีความแข็งแกร่งทางด้านบุคลากรที่เชี่ยวชาญธุรกิจพลังงานมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากก่อนหน้านี้ ที่ นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการและรองประธานกรรมการ บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี ซึ่งการเข้ามาร่วมบริหารงานของนายอภิสิทธิ์นอกจากจะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพภายในองค์กรแล้ว ยังสามารถเข้ามาต่อยอดในธุรกิจพลังงานได้เป็นอย่างดี

 

ประกอบกับการเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ นายสมศักดิ์ ธนกิจวัฒนา ภายใต้บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของทีมงาน AGE ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งด้านธุรกิจถ่านหินและธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืนในอนาคต