BUSINESS

ที.เค. โว นิคมฯ ในกัมพูชารุ่ง ทุ่มอีก 500 ล้านบาทขยายพื้นที่เพิ่ม
POSTED ON 20/03/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เค.การ์เมนท์ จำกัด ผู้ประกอบการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า จากที่บริษัทฯ ได้เข้าไปซื้อที่ดินประมาณ 400 ไร่ พัฒนาเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเมืองบันเตียเมียนเจย จังหวัดศรีโสภณ ประเทศกัมพูชา ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท รองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นที่สนใจเข้าไปลงทุนตั้งโรงงาน โดยเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา ได้พานักลงทุนไทยและต่างประเทศเข้าดูพื้นที่แล้ว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

 

ขณะนี้มีนักลงทุนจากญี่ปุ่นหลายรายแสดงความสนใจ ที่จะเข้ามาขอเช่าพื้นที่ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงบริษัทผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกจะมาดูพื้นที่ในวันที่ 27 มีนาคม 2557 นี้ ขณะที่นักลงทุนจากเยอรมนีแสดงความสนใจที่จะมาตั้งโรงงานผลิตอโลหะ ส่วนนักลงทุนของไทยสนใจที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเบียร์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทดสอบคุณภาพน้ำว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ รวมถึงการตั้งโรงสีข้าว และโรงงานผลิตน้ำดื่ม เป็นต้น

 

สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจเข้ามาโรงงานในนิคมแห่งนี้ เนื่องจากมีปัจจัยทางด้านแรงงานที่ยังต่ำกว่าประเทศไทย โดยอยู่ที่ประมาณ 80-90 บาทต่อวัน อีกทั้งยังอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบังเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น และยังได้สิทธิทางด้านจีเอสพีด้วย จึงเป็นจุดเด่นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน โดยภายในปีนี้การเข้ามาของนักลงทุนจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

 

นายทวีกิจ ยังกล่าวด้วยว่า เนื่องจากเพิ่งเปิดดำเนินการ ทำให้ขณะนี้มีเพียง 2 โรงงานที่เข้าไปตั้งอยู่ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของบริษัทเอง ด้วยเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อเป็นโรงงานนำร่อง ในการรับจ้างผลิตสินค้า(โออีเอ็ม)ให้กับแบรนด์ต่างๆ เกือบ 100 แบรนด์ เช่น FQ&L Body Glove, Playboy, Camel ซึ่งได้เปิดไลน์การผลิตไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และอีก 1 แห่ง เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าของลูกค้าที่เข้ามาลงทุน

 

ปัจจุบันโรงงานของ ที.เค.ที่กัมพูชา มียอดการผลิตสินค้าประมาณ 1 แสนชิ้นต่อเดือน มีแรงงานประมาณ 400 คน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2558 จะมีแรงงาน 3 พันคน ด้วยยอดการผลิตประมาณ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน

 

สำหรับกระแสการตอบรับของลูกค้าที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพื่อขยายนิคม รองรับลูกค้าให้มากขึ้นอีกประมาณ 300-400 ไร่ ด้วยงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณกลางปีนี้ เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานในกัมพูชาค่อนข้างมาก เฉพาะโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปขณะนี้มีการใช้แรงงานไม่ต่ำกว่า 6-7 แสนคนแล้ว

 

ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ยอมรับว่า โรงงานที่กัมพูชาได้รับอานิสงส์พอสมควร เนื่องจากมีออร์เดอร์จากลูกค้าเข้ามารับจ้างผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความไม่มั่นใจของลูกค้าที่เคยสั่งผลิตสินค้าในประเทศไทย เกรงว่าจะส่งสินค้าไม่ทันจากปัญหาการชุมนุมทางการเมือง หรืออาจจะมาจากการได้สิทธิทางภาษีจีเอสพีที่จะส่งสินค้าไปทางยุโรป 12-15% ทำให้สินค้ามีราคาต่ำสามารถแข่งขันกับต้นทุนการผลิตในประเทศไทยได้