BUSINESS

ผาแดงฯ เผย ราคาโลหะสังกะสีขยับสูงขึ้น เหตุเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
POSTED ON 14/03/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยถึงการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจปี 2557 ว่า บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่เข้มแข็งขึ้น  โดยเฉพาะการผลิตที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในกระบวนการผลิตเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เป็นการขานรับแนวโน้มราคาโลหะสังกะสีโลกที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตลอดปี 2557 จากที่ราคาเฉลี่ยเมื่อปี 2556 อยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน

 

ล่าสุด (6 มี.ค. 2557) ราคาซื้อขายขยับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2,155 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากผลพวงที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้โลหะสังกะสีขยับตัวตาม ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯ กลับมามีกำไรได้

 

สำหรับปี 2557 บริษัทฯ จะดำเนินการผลิตและจำหน่ายโลหะสังกะสีประมาณ 75,000 เมตริกตัน พร้อมทั้งปรับสัดส่วนการผลิตโลหะสังกะสีบริสุทธิ์และโลหะสังกะสีผสมให้สอดคล้องกับแผนการตลาด ขณะเดียวกันจะลดต้นทุนวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มปริมาณการใช้วัตถุดิบสังกะสีรีไซเคิลให้มากขึ้นและเต็มกำลังการผลิต เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่มีราคาถูกและจัดหาได้ง่าย อีกทั้งยังลดการใช้ทรัพยากรแร่ธรรมชาติจากการทำเหมืองอีกด้วย

 

ขณะเดียวกัน PDI ยังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ให้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติมในธุรกิจสีเขียวซึ่งมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างผลกำไรต่อบริษัทและการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จะนำเสนอความคืบหน้าของโครงการต่อไป หลังจากที่ได้ดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จ โดยเฉพาะการศึกษาธุรกิจจัดการเชิงนิเวศ ธุรกิจรีไซเคิลกากของเสียในอุตสาหกรรม และธุรกิจพลังงานทดแทน เป็นต้น

 

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทฯ มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิรวมเท่ากับ 530 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 569 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ตัดสินใจหยุดดำเนินโครงการสำรวจแร่ทองแดงที่จังหวัดเลย ของบริษัท ภูเทพฯ บริษัทในเครือซึ่งถือหุ้น 51% และตั้งสำรองจากการด้อยค่าของค่าใช้จ่ายและได้มาซึ่งแหล่งแร่ของบริษัทในเครือดังกล่าวจำนวน 926 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในขั้นตอนการขอใบอนุญาตประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ซึ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ด้วยทัศนคติของชุมชนที่มีต่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่ค่อนข้างเป็นไปในทางลบ

 

หากไม่นับรวมการตั้งสำรองจากการด้อยค่าของค่าใช้จ่ายจากการสำรวจของบริษัทในเครือดังกล่าว บริษัทฯ มีผลประกอบการโดยรวมดีขึ้นมากกว่า 250 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2555 แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและต้นทุนวัตถุดิบจะสูงขึ้นก็ตาม โดยมีผลขาดทุนสุทธิเหลือเพียง 89ล้านบาท ซึ่งลดลงมากจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 343 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ แผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ยังช่วยส่งผลให้การดำเนินงานดีขึ้นมาก ตั้งแต่การเพิ่มสัดส่วนการขายโลหะสังกะสีผสม การเพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์พลอยได้ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการลงทุนอย่างเข้มข้น และบริษัทยังได้ทำประกันการซื้อขายโลหะสังกะสีล่วงหน้าท่ามกลางราคาโลหะสังกะสีโลกที่ยังต่ำอยู่ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปี 2556 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 290 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนจำนวน 15  ล้านบาทในปีก่อน แม้บริษัทฯ จะมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 5,466 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 28% จากการปรับลดปริมาณการผลิตตามแผนกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในช่วงเวลาที่อัตราค่าไฟฟ้าสูงสุด ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถลดค่าไฟฟ้าได้เป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท