BUSINESS

"เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ" ชี้ ถ่านหินบูม ตั้งเป้าโต 30% ยอดขาย 9 ล้านตัน
POSTED ON 14/03/2557


ธุรกิจอุตสาหกรรม - นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ เอิร์ธ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีก่อน หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2556 อยู่ที่ 8 ล้านตัน เป็น 9 ล้านตันในปีนี้ แบ่งเป็นยอดขายในไทย 2.5 ล้านตัน จีน 4 ล้านตัน และในอินเดีย 2.5 ล้านตัน ซึ่งมาจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ ราคาถ่านหินจะยังใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ก็มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าราคาขายถ่านหินของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ระดับ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ หันมาขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าลูกค้ารายย่อยในประเทศอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2 ล้านตัน และอยู่ระหว่างเซ็นสัญญาขายถ่านหินให้กับลูกค้ารายย่อยในจีนและอินเดีย รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในฟิลิปปินส์และกัมพูชาด้วย สาเหตุที่บริษัทเน้นขยายตลาดในกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่จะขายถ่านหินให้กับลูกค้ารายใหญ่หรือกลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะการขายถ่านหินในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะมีกำไรสูงกว่า

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยในไทยและจีนก่อน จากนั้นจะทยอยขยายตลาดในฟิลิปปินส์และกัมพูชาในปีถัดไป ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายถ่านหินในกลุ่มลูกค้าย่อยเพิ่มเป็น 30% เทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 20% ส่วนที่เหลืออีก 70% จะมาจากยอดขายในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งยอดขายในกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนจากเชื้อเพลิงถ่านหิน เมื่อเทียบกับน้ำมันเตาแล้วยังถูกกว่ามาก หรือคิดจากค่าความร้อนที่ 10,000 แคลอรี ต้นทุนจากน้ำมันเตาจะอยู่ที่ 20-23 บาทต่อลิตร ส่วนถ่านหินจะอยู่ที่ 5 บาทต่อกิโลกรัม

 

"ความต้องการถ่านหินในตลาดจีนยังคงสูงขึ้น โดยในแต่ละปีจีนมีความต้องการใช้ถ่านหินนำเข้าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านตัน  แต่ปัจจุบันบริษัทฯ ส่งไปเพียง 4 ล้านตัน ซึ่งยังขยายตลาดได้อีกมาก โดยเหมืองใต้ดินในจีนเกิดเหตุถล่ม ทำให้จีนทยอยปิดเหมืองที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น จึงต้องนำเข้าถ่านหินทดแทน นี่เป็นโอกาสขยายตลาดของบริษัทฯ ด้วย เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจให้ครบวงจรของบริษัทฯ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าถ่านหินป้อนให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ จะเน้นขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น" นายขจรพงศ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจครอบคลุมมากขึ้น บริษัทฯ จึงวางแผนมีเหมืองเป็นของตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ทางหนึ่ง โดยมีเป้าหมายในช่วง 5 ปี (2556-2560) จะเข้าซื้อเหมืองถ่านหินในประเทศต่างๆ จำนวน 5 เหมือง สำหรับป้อนถ่านหินให้กับลูกค้ารายย่อยใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน กัมพูชา อินเดีย และฟิลิปปินส์ โดยใช้งบลงทุนรวมกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท

 

โดยเงินลงทุนดังกล่าวแยกเป็นการซื้อกิจการเหมืองขนาดกลางที่มีปริมาณสำรองถ่านหิน 40 ล้านตันขึ้นไป จะใช้เงินลงทุนแห่งละ 3-5 พันล้านบาทต่อเหมือง จำนวน 5 เหมือง หรือกรอบวงเงินไม่เกิน 2.5 หมื่นล้านบาท งบลงทุนสำหรับพัฒนาเหมือง เช่น การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การเปิดหน้าดินประมาณแห่งละ 2 พันล้านบาทรวมเป็น 1 หมื่นล้านบาท และงบลงทุนสำหรับธุรกิจไฟฟ้าถ่านหินอีกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท