AUTOMATION

ชไนเดอร์ อัปเกรดปรับปรุงและเพิ่มสมรรถนะในตัวอุปกรณ์ระบบควบคุมอัตโนมัติ
POSTED ON 05/06/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เปิดตัวบริการใหม่ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตมีความทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยการอัปเกรดปรับปรุงและเพิ่มสมรรถนะในตัวอุปกรณ์ระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือ PLC (Programmable Logic Control) ด้วยวิธีที่ง่าย ปลอดภัยและค่าใช้จ่ายไม่สูง อีกทั้งยังใช้เวลาไม่มากในการอัพเกรดปรับปรุงระบบ โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผลที่ได้นี้จะช่วยลดการดาวน์ไทม์และการหยุดชะงักในขณะดำเนินงาน วิธีการนี้ทำได้ง่าย ๆ โดยการอัพเกรด PLC เดิมไปเป็น Modicon M580 ePAC ซึ่งมีพื้นฐานการเชื่อมต่อด้วยอีเทอร์เน็ต มีหน่วยความจำและระบบประมวลผลที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้เอง ทำให้ Modicon M580 ePAC เป็นเพียง PLC รุ่นเดียวที่จะทำให้ท่านคืนกำไรจากลงทุน 100% ภายในระยะเวลา 3 เดือน

 

นาธาลี มาร์คอตต์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริการอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า “การอัปเกรด PLC รุ่นเก่าซึ่งล้าสมัยและเลิกผลิตไปแล้วนั้น จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือช่วยเพิ่มผลกำไรจากระบบการผลิตที่ซับซ้อนของลูกค้า การอัปเกรด PLC ให้ทันสมัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ทั้งยังสามารถคืนทุนและสร้างผลกำไรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ด้วยความเชี่ยวชาญของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เรามุ่งเน้นและให้คุณค่ากับ IIoT ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานอุตสาหกรรมของลูกค้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น การอัปเกรดเป็น Modicon M580 ePAC ซึ่งช่วยให้ระบบการดำเนินการผลิตดีขึ้นนั้น จะทำให้การตัดสินใจในทางธุรกิจดีขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น วัดได้จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยของระบบการผลิตมากขึ้น และมีความยั่งยืน”

 

การอัปเกรดทำได้ด้วย Unity M580 Application Converter (UMAC) บวกกับ expert configuration utility tool ซึ่งทำให้การอัปเกรดเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ระบบการผลิตของลูกค้าจะซับซ้อนเพียงใดก็ตาม ดังนั้น ระบบเก่าซึ่งเขียนด้วยซอฟท์แวร์ Unity ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม Quantum หรือ Premium ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็น M580 ได้อย่างง่ายดาย แม้แต่การวางแผนเปลี่ยนอินพุต/เอาต์พุต และการต่อสายเข้าสายไปเป็นของ M580 จากตัว TSX Premium ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายและเสร็จได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

 

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการผลิต จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่รวดเร็วและเชื่อมต่อมากขึ้น ลูกค้าหลายรายใช้ PLC รุ่นเก่า ทำให้มีต้นทุนของการเป็นเจ้าของ (cost of ownership) สูงขึ้น เกิดช่องโหว่ในการดำเนินงาน ตลอดจนเสี่ยงต่อภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้น

 

การเปลี่ยนไปใช้ Modicon M580 ePAC ทำให้ลูกค้าอยู่บนแพลตฟอร์มที่พร้อมรองรับการใช้งานแบบ IIoT ซึ่งสามารถช่วยควบคุมการสร้างกำไรในด้านการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วในแบบเรียลไทม์ โดยไม่กระทบกับธุรกิจ

 

“บริการเหล่านี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า เราช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถอัปเกรดไปสู่โซลูชั่น IIoT ที่เน้นประสิทธิภาพผ่านโซลูชั่น EcoStruxure Plant ได้อย่างไร สถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มของเราเป็นระบบเปิด ให้ความสามารถในการทำงานร่วมกันและรองรับการใช้ IoT ช่วยให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความสามารถในการทำกำไรให้การดำเนินงานของลูกค้าในแบบเรียลไทม์ โดยช่วยลูกค้าแปลงการลงทุนด้านออโตเมชั่น เป็นกลไกในการสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ” รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริการอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว

 

Modicon M580 ePAC ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตในอุตสาหกรรมบรรลุผลตอบแทนจากการลงทุนก่อนหน้านี้ได้ดียิ่งขึ้น ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการต่าง ๆ 100% ภายในเวลา 3 เดือน โดยประสิทธิภาพที่ได้รับจาก Modicon M580 ePAC จะช่วยเร่งการดำเนินโครงการ และช่วยให้ควบคุมผลกำไรของโรงงานได้ดีขี้น แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากประโยชน์เรื่องการดำเนินงานแล้ว ยังช่วยในประเด็นต่อไปนี้

 

  • ช่วยลดเวลาการผลิตผลิตภัณฑ์มากถึง 25%
  • ลดกระบวนการใช้พลังงาน 30%
  • ลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากการโจมตีทางโลกไซเบอร์
  • ช่วยปรับปรุงผลิตผลจากการผลิตในปริมาณมากได้มากกว่า 66 ล้านบาทต่อปี
  • สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงงานผลิตขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ได้อย่างน้อย 85 ล้านบาทต่อปี