China Petroleum & Chemical Corporation (HKG: 0386, “Sinopec”) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2020 และรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่ 2.11 ล้านล้านหยวน และผลกำไรที่เป็นของผู้ถือหุ้น 3.31 หมื่นล้านหยวน Zhang Yuzhuo ประธาน Sinopec ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำในกลุ่มบริษัทปิโตรเลียมและปิโตรเคมีครบวงจรรายใหญ่ของโลก ประกาศว่า Sinopec รับประกันว่าจะบรรลุเพดานสูงสุดในการปล่อยคาร์บอนก่อนเป้าหมายของรัฐบาลจีน และมุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนก่อนเป้าหมายของจีน 10 ปี

Sinopec ยังประกาศผลประกอบการล่วงหน้า ณ วันที่ 28 มีนาคม โดยมีกำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทแม่ในไตรมาสแรกของปี 2021 คาดไว้ที่ 1.6-1.8 หมื่นล้านหยวน (2.43-2.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยเป็นการเริ่มต้นอย่างพุ่งทะยาน การเผชิญกับผลกระทบที่ร้ายแรงของโรคระบาดโควิด-19 ในปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดิ่งลงของราคาน้ำมันและดีมานด์นั้น ทำให้ Sinopec เร่งตอบสนองและดำเนินการเชิงรุกในการประสานงานป้องกัน/ควบคุมโรคระบาด รวมทั้งการผลิต/การดำเนินงาน ซึ่งช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้มีผลประกอบการที่โดดเด่น และยังส่งเสริมการปฏิรูปและพัฒนาบริษัทในคราวเดียวกัน

“เพื่อสร้างองค์กรเคมีด้านพลังงานสะอาดชั้นนำของโลก Sinopec จะโอบรับการปฏิรูปพลังงานและการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม รวมทั้งยืนหยัดใช้กลยุทธ์การพัฒนาแบบบุกเบิกเพื่อวางรากฐานทางอุตสาหกรรม โดยสร้างบนทรัพยากรพลังงาน ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันสะอาดและวิศวกรรมเคมีสมัยใหม่ และสนับสนุนโดยเสาหลักแห่งการเติบโตจากพลังงานใหม่ วัสดุใหม่ และเศรษฐกิจใหม่” คุณ Zhang กล่าว

เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อสร้าง “บริษัทพลังงานไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุด” Sinopec จะทำให้พลังงานไฮโดรเจนเป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจพลังงานใหม่ของบริษัท ใช้ข้อได้เปรียบด้านอุตสาหกรรมและเครือข่ายอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมพลังงานฟอสซิลที่สะอาดและการดำเนินงานพลังงานสะอาด เข้าร่วมสร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟและการแทนที่แบตเตอรี และเร่งการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ใน 5 ปีข้างหน้า Sinopec วางแผนที่จะสร้างสถานีเติมไฮโดรเจนหรือน้ำมัน-ไฮโดรเจน 1,000 แห่ง และสร้าง “บริษัทพลังงานไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุดของจีน” บนแนวหน้าของอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการสาธิตในภาคธุรกิจขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อก้าวเป็นผู้ให้บริการพลังงานแบบครบวงจรสำหรับ “น้ำมัน ก๊าซ ไฮโดรเจน ไฟฟ้า และบริการที่ไม่ใช่น้ำมัน”

ภูมิทัศน์ทางอุตสาหกรรมใหม่ของ Sinopec แสดงให้เห็นแผนผังธุรกิจในการปฏิรูปและอัปเกรด บริษัทจะรวม “รากฐานเดียว” เพื่อวางพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทรัพยากรพลังงานและเพิ่มปริมาณสำรองของน้ำมันและก๊าซอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกำลังการผลิตพลังงานขั้นต้น เสริมสร้าง “สองปีก” ในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันสะอาดและการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ตลอดจนขยาย “สามสิ่งใหม่” โดยสำรวจพลังงานใหม่ วัสดุใหม่ และเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกิดการแปลงพลังงานจลน์ใหม่และเก่า

ในด้านพลังงานใหม่ Sinopec จะรักษาความได้เปรียบในเซกเตอร์พลังงานไฮโดรเจน และเร่งกลยุทธ์สร้างบริษัทในฐานะผู้ให้บริการพลังงานแบบครบวงจรสำหรับ “น้ำมัน ก๊าซ ไฮโดรเจน ไฟฟ้า และบริการที่ไม่ใช่น้ำมัน” และสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ

ส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อเร่งสร้างบริษัทนำร่องเทคโนโลยี Sinopec จะเดินหน้าปฏิรูปอย่างลึกซึ้งในด้านวิทยาศาสตร์และระบบเทคโนโลยี เพิ่มการลงทุนด้าน R&D เพื่อโฟกัสการวิจัยพื้นฐานและประยุกต์มากขึ้น รวมทั้งยกระดับการวิจัยเทคโนโลยีแกนหลักเพื่อให้เกิดการแปลผลลัพธ์ที่รวดเร็วและการผลิตซ้ำผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว เสริมสร้างขีดความสามารถด้านนวัตกรรมที่เป็นอิสระและต้นแบบ บ่มเพาะบุคลากรหัวกะทิเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งสร้างบริษัทนำร่องเทคโนโลยี และให้การสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิรูปและอัปเกรดทางอุตสาหกรรม

จัดทำแผนคาร์บอนต่ำเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนก่อนเป้าหมายของจีน 10 ปี เป็นครั้งแรกที่ Sinopec รวม “ความสะอาด” ไว้ในวิสัยทัศน์และเป้าหมายของบริษัท เพื่อเดินบนเส้นทางการพัฒนาสีเขียว เพื่อสร้างความสามารถทางการแข่งขันหลัก Sinopec จะเดินหน้าแทนที่ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า โดยพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและเพิ่มสัดส่วนวัตถุดิบคาร์บอนต่ำเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจรีไซเคิลและลดการก่อคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในวงจรชีวิตทั้งหมด

ภายในปี 2025 ความเข้มข้นในการปล่อยมีเทนของ Sinopec จะลดลง 50% และจะสร้างโครงการสาธิต CCUS ระดับเมกะตัน ในขณะเดียวกัน Sinopec จะพัฒนาผืนป่าที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน สถานีก๊าซที่เป็นกลางทางคาร์บอน และโมเดลที่โดดเด่นอื่น ๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ Sinopec ในด้านความสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อว่ากันเรื่องที่จีนเสนอให้ปล่อยคาร์บอนสูงสุดภายในปี 2030 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 นั้น Sinopec จะเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทจะถึงเพดานการปล่อยคาร์บอนสูงสุดก่อนปีที่กำหนดไว้ และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนก่อนกำหนด 10 ปี ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ