VVDN Technologies ผู้นำด้านวิศวกรรมผลิตภัณฑ์ คลาวด์ และการผลิต ประกาศเปิด Global Innovation Park หรืออุทยานนวัตกรรมระดับโลกขนาด 10 เอเคอร์ ในเมืองมาเนซาร์ เขตคุร์เคาน์ ประเทศอินเดีย โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกระดับการให้บริการด้านวิศวกรรมและเพิ่มกำลังการผลิต

Global Innovation Park แห่งใหม่ของ VVDN ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 10 เอเคอร์ สามารถรองรับพนักงานได้ราว 100,000 คน และจะเปิดดำเนินงานภายในกลางเดือนพฤษภาคม 2563 ในฐานะโรงงานระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีกำลังการผลิตมากขึ้น ภายใต้แผนการขยายกำลังการผลิตโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ปัจจุบัน Global Innovation Park ประกอบด้วย – VVDN Production Hub: ศูนย์กลางการผลิตที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพและกำลังการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก โดยมีทั้งเทคโนโลยีการผลิต SMT, พื้นที่ประกอบสินค้า, ห้อง Clean Room มาตรฐาน ISO Class 6 และ 8 รวมถึงอุปกรณ์ทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์

– VVDN Experience Center: ศูนย์ประสบการณ์ที่นำเสนอประวัติความเป็นมาของ VVDN รวมถึงโซลูชันสุดล้ำที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตโดยบริษัท เพื่อให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์รู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น

– VVDN R&D and Testing Lab: ห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาและทดสอบอันทันสมัย ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนลูกค้าทั่วโลกในการพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล

ปัจจุบัน VVDN สร้างสรรค์โซลูชันอเนกประสงค์และทันสมัยมากมาย เช่น อุปกรณ์ติดตาม กล้องติดรถยนต์ กล้องถ่ายภาพ อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi และอุปกรณ์ 5G ทั้งนี้ Global Innovation Park แห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมแกร่งศักยภาพการผลิตในอินเดีย ในฐานะที่เป็น ODM รายใหญ่ที่สามารถตอบสนองลูกค้าทั่วโลกที่ต้องการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย

Bhupender Saharan ซีอีโอของ VVDN กล่าวถึงการเติบโตและการลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทว่า “การเติบโตของ VVDN เป็นหลักชัยสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัท เรากำลังขยายกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในอินเดีย ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นบริษัท ODM ชั้นนำของอินเดีย ที่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งของตลาดในประเทศและตลาดโลก”

“การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะทั่วโลกกำลังต้องการทางเลือกใหม่ในการผลิต ซึ่ง VVDN ก็มุ่งมั่นนำเสนอศักยภาพการผลิตระดับเวิลด์คลาสและคุณภาพอันเป็นเลิศให้แก่ลูกค้าทั่วโลก อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ VVDN พร้อมที่จะตอบสนองต่อ New Normal ด้วยกำลังคน ศักยภาพ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและยั่งยืนของบริษัท”