WORLDWIDE

ดาวโจนส์ทรุดกว่า 1,000 จุด ผวายอดติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งแซงหน้าจีน
POSTED ON 29/03/2563


 

 

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,000 จุดในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วัน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,617.59 จุด ลบ 934.58 จุด หรือ 4.14% หลังจากทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดในช่วงแรก

นักลงทุนมีความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังมีรายงานว่า สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 85,000 ราย แซงหน้าจีน และเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดของโลก ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศความร่วมมือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อชาวอเมริกัน และเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้มีความแข็งแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 6% วานนี้ และทะยานขึ้น 20% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดในช่วง 3 วันนับตั้งแต่ปี 2474

หุ้นโบอิ้งดิ่งลงกว่า 5% ในวันนี้ หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการอภิปราย และลงมติในวันนี้ จะไม่มีการช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบินแต่อย่างใด

นอกจากนี้ นายมนูชินยังกล่าวว่า บริษัทโบอิ้งไม่มีความประสงค์ที่จะรับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายฉบับนี้ หากได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

มาตรการดังกล่าวครอบคลุมการจัดสรรเงินกู้วงเงิน 3.67 แสนล้านดอลลาร์ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก และสนับสนุนโครงการที่จะจัดสรรเงินให้แก่กระทรวงการคลังในวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับเช็คเงินสดคนละ 1,200 ดอลลาร์ ขณะที่เด็กจะได้คนละ 500 ดอลลาร์ ส่วนโรงพยาบาลต่างๆจะได้รับการจัดสรรเงินรวม 1.50 แสนล้านดอลลาร์ และธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับเงินช่วยเหลือในวงเงินรวม 3.67 แสนล้านดอลลาร์

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนม.ค. ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับเดือนม.ค.