WORLDWIDE

2 โรงงานอัจฉริยะในมหานครฉงชิ่ง ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ด้วยหุ่นยนต์
POSTED ON 11/09/2561


เมื่อไม่นานมานี้ มหานครฉงชิ่งได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องยุคดิจิทัลและโรงงานอัจฉริยะที่น่าสนใจในมหานครฉงชิ่ง ประจำปี 2561 เพื่อติดตามพัฒนาการและความก้าวหน้าในการดำเนินงานยกระดับโรงงานอัจฉริยะในฉงชิ่ง โดยโรงงานอัจฉริยะของบริษัทโซคอนและบริษัทฉางอาน บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำรายใหญ่สองบริษัท ได้รับความสนใจและถูกกล่าวถึงมากที่สุด

บริษัทรถยนต์โซคอน (SOKON) และบริษัทผลิตรถยนต์ฉางอาน (Changan) เป็นสองบริษัทที่เริ่มบุกเบิกอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ของจีน เริ่มผลิตรถยนต์จากเทคโนโลยีดั้งเดิม จนมาถึงยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่ยกระดับขึ้นเป็นโรงงานอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยี IoT และหุ่นยนต์เข้ามาใช้ โดยมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ปัจจุบัน มีโรงงานผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงมีโรงงานในประเทศไทยด้วย

จากการสำรวจของสื่อมวลชนท้องถิ่น พบว่า โรงงานอัจฉริยะผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของบริษัทโซคอน มีโครงรถยนต์บนรางอัตโนมัติ แต่ละคันเว้นระยะห่างเพียง 5 มม. และยังมีพาหนะลำเลียงวัสดุอัตโนมัติจำนวนกว่า 20 คัน ทำหน้าที่ลำเลียงวัสดุไปยังจุดต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งหุ่นยนต์อัจฉริยะทดสอบความเย็นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สามารถระบุข้อผิดพลาดของเครื่องยนต์ได้ถึง 9 จุด อาทิ จุดรั่ว การอุดตัน และการสั่นสะเทือน เป็นต้น โดยอัตราการตรวจสอบข้อผิดพลาดมีความถูกต้องแม่นยำสูงถึงร้อยละ 100

สื่อมวลชนท้องถิ่นได้เดินทางมาสำรวจที่โรงงานอัจฉริยะผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของบริษัทฉางอานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจเหลี่ยงเจียง พบว่า ภายในโรงงานมีหุ่นยนต์อัตโนมัติกว่า 400 ตัว กำลังทำหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์เข้ากับโครงรถยนต์ และมีการลำเลียงโดยสายพานอัตโนมัติส่งต่อไปยังขั้นตอนถัดไป อีกทั้งยังนำนวัตกรรมใหม่ ๆ และเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้ในขั้นตอนการตรวจสอบความผิดปกติของรถยนต์ด้วยเลเซอร์ และส่งข้อมูลออนไลน์ต่อไปยังคลังข้อมูล ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้

การนำเทคโนโลยี IoT และหุ่นยนต์อัจฉริยะ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ และยกระดับโรงงานดั้งเดิมให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ นอกจากจะเพิ่มความรวดเร็ว ตรวจสอบปัญหา และแก้ปัญหาที่เกิดในขั้นตอนการประกอบเครื่องยนต์ได้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน เพิ่มความถูกต้องแม่นยำ และสร้างคุณสมบัติพิเศษของสินค้าให้แตกต่างจากสินค้ายี่ห้ออื่นอีกด้วย

ปัจจุบัน หลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้มองเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และรถยนต์พลังงานใหม่ โดยต่างพัฒนาขีดความสามารถเพื่อเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดการผลิต ซึ่งหากภาครัฐและทุกภาคส่วนของไทย ส่งเสริม สนับสนุน และให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมนี้ พร้อมทั้งศึกษาแนวทางการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการผลิตรถยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างจุดเด่นให้กับอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไทย เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอาเซียนไว้ได้ และมีความพร้อมที่จะพัฒนาขึ้นเป็นผู้นำการผลิตรถยนต์และส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์อันดับต้น ๆ ของโลกต่อไป

 

ที่มา : http://www.thaibizchina.com