WORLDWIDE

อีลี่ เปิดฐานการผลิตนมครบวงจรใหญ่ที่สุดในโลกที่นิวซีแลนด์
POSTED ON 25/11/2557


 

ข่าวต่างประเทศ - เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา คณะผู้นำของจีนและ "นายจอห์น คีย์" นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้ร่วมกันเปิดตัวโปรเจคท์สร้างฐานการผลิตนมประจำโอเชียเนียของบริษัท อีลี่ (Yili) ซึ่งเป็นโปรเจคท์แรกภายใต้โครงการความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่างสองประเทศ โดยโปรเจคท์นี้จะครอบคลุมการผลิต การแปรรูป การบรรจุ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นม และถือเป็นฐานการผลิตนมแบบครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

 

อีลี่ อัดฉีดเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านหยวนในโปรเจคท์นี้ ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในเมืองไวเมท เกาะเซาท์ไอแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเงินลงทุนดังกล่าวประกอบด้วยเงินที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้จำนวน 1.2 พันล้านหยวน และเงินลงทุนรอบใหม่เพิ่มอีก 2 พันล้านหยวน

 

มีรายงานว่าเงินลงทุนรอบใหม่จะถูกแบ่งเป็น 4 ส่วน โดยจะถูกนำไปใช้ในโปรเจคท์แปรรูปน้ำนมดิบ โปรเจคท์ผลิตนมยูเอชที โรงงานผลิตนมผง และโรงงานบรรจุนม สำหรับโปรเจคท์แปรรูปน้ำนมดิบและโปรเจคท์ผลิตนมยูเอชที ซึ่งใช้เงินลงทุน 200 ล้านหยวนและเกือบ 500 ล้านหยวนตามลำดับนั้น เตรียมขึ้นแท่นเป็นโปรเจคท์ขนาดใหญ่ที่สุดและมีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในบรรดาโปรเจคท์ลักษณะเดียวกันในนิวซีแลนด์

 

ในวันเดียวกัน อีลี่ กรุ๊ป และมหาวิทยาลัยลินคอล์น ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมนมทั้งระบบ ข้อตกลงระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะสร้างความร่วมมือเชิงลึกโดยอาศัยทรัพยากรและเทคโนโลยีเด่นๆ ของแต่ละฝ่าย เพื่อดำเนินกลยุทธ์ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมนมทั้งระบบ ซึ่งในขั้นแรกจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับโภชนาการและรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมในช่วงหลายปีจากนี้

 

สำหรับมหาวิทยาลัยลินคอล์นนับได้ว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนาน 136 ปี เป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและวิทยาศาสตร์การอาหารในซีกโลกใต้ และเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำระดับโลกในด้านนี้

 

อีลี่ เป็นกลุ่มบริษัทเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ 2 โครงการในระหว่างที่คณะผู้นำของจีนเดินทางเยือนนิวซีแลนด์ นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้รับเชิญให้ร่วมนิทรรศการการเกษตรที่ร่วมกันจัดโดยจีนและนิวซีแลนด์ รวมถึงงานเลี้ยงรับประทานอาหารกลางวัน นับเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-นิวซีแลนด์ ทั้งในแง่ของมูลค่าโปรเจคท์และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการทูต