ข่าวต่างประเทศ - อเมริกัน แคปิตอล เอ็นเนอร์จี แอนด์ อินฟราสตรักเจอร์ (American Capital Energy & Infrastructure : ACEI) เปิดเผยว่า บรรษัทการลงทุนเอกชนในต่างประเทศ (Overseas Private Investment Corporation : OPIC) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาของรัฐบาลสหรัฐ ได้อนุมัติเงินทุนสนับสนุนในวงเงินสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับการก่อสร้างและดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด (Azura-Edo) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเบนิน รัฐเอโด ประเทศไนจีเรีย โดยโครงการอะซูรา-เอโดเป็นโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซระบบเปิดขนาด 459 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มก่อสร้างในปี 2557 และเป็นเฟสแรกของโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างพิธีลงนามระหว่าง พอล แฮนราแฮน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง ACEI, เอลิซาเบธ ลิตเติลฟิลด์ ประธานและซีอีโอของ OPIC และ เดวิด ลาดิโป กรรมการผู้จัดการของอะซูรา เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ (Azura Power Holdings) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา ณ การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-แอฟริกาครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นในวอชิงตันดีซี การประชุมเป็นเวลา 3 วันดังกล่าวมีผู้นำจากประเทศในแอฟริกาเข้าร่วมเกือบ 50 คน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและแอฟริกาซึ่งเป็นภูมิภาคหนึ่งที่มีพลวัตและอัตราการเติบโตสูงสุดในโลก การประชุมนี้เน้นย้ำไปที่การค้าและการลงทุนในแอฟริกา และตอกย้ำถึงพันธกิจของสหรัฐต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนาประชาธิปไตยของแอฟริกาและประชาชนในแอฟริกา

บริษัทในเครือของ ACEI ได้ลงทุนเป็นจำนวนเงินสูงถึง 130 ล้านดอลลาร์ในบริษัท อะซูรา เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด เพื่อหาทุนให้กับโครงการในเฟสแรกและเฟสที่สอง รวมทั้งการเข้าซื้อและการดำเนินโครงการ greenfield project (โครงการที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง อยู่ระหว่างก่อสร้าง หรือก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่เริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์) ในไนจีเรียในอนาคต นอกเหนือไปจาก ACEI และ OPIC แล้ว โครงการนี้ยังมีนักลงทุนในตราสารหนี้และหลักทรัพย์จากต่างประเทศอีกหลายกลุ่ม รวมถึงกองทุนเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจากแอฟริกาและยุโรป ธนาคารเพื่อการพัฒนาและธนาคารพาณิชย์ และรัฐบาลของรัฐเอโด ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด ถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าอิสระใหม่โครงการแรกในไนจีเรียที่ระดมทุนในรอบกว่าทศวรรษ

“ในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ในอะซูรา เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้อำนวยความสะดวกให้ OPIC เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด” พอล แฮนราแฮน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง ACEI กล่าว “การสร้างความสัมพันธ์กับ OPIC และสถาบันด้านการพัฒนาอื่นๆ ได้ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของ ACEI ในการสร้างและขยายโรงไฟฟ้าในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา”

“การที่ OPIC เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในการระดมทุนของภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในแอฟริกาและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ” เอลิซาเบธ ลิตเติลฟิลด์ ประธานและซีอีโอของ OPIC กล่าว “การขาดแคลนไฟฟ้ามาอย่างยาวนานในไนจีเรียได้ขัดขวางการขยายตัวและการพัฒนาประเทศ การที่ OPIC ให้การสนับสนุน ACEI จะช่วยให้โครงการอะซูรา-เอโดเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งช่วยให้ไนจีเรียมีศักยภาพด้านการผลิตไฟฟ้าโดยรวมดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ”

เดวิด ลาดิโป กรรมการผู้จัดการของอะซูรา เพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ แสดงความเห็นว่า “สหรัฐลงทุนในโครงการอะซูราผ่านทาง OPIC และอเมริกัน แคปิตอล นอกจากนี้ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (USAID) ยังให้คำปรึกษาเพิ่มเติมแก่ภาครัฐอีกด้วย ทั้งสามสถาบันต่างก็ตระหนักถึงศักยภาพด้านการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมการจัดหาพลังงานไฟฟ้าในไนจีเรีย และได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์นี้อย่างตั้งใจและกระตือรือร้น เรายอมรับในวิสัยทัศน์ ความร่วมมือร่วมใจ และความกล้าได้กล้าเสียของทุกฝ่าย”

“การอนุมัติเงินลงทุนของ OPIC ถือเป็นอีกความสำเร็จของทีมงานอะซูรา ซึ่งได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลของไนจีเรียอย่างขะมักเขม้นในโครงการโรงไฟฟ้าอิสระโครงการแรกภายใต้โครงการปฏิรูปอุตสาหกรรมพลังงานของประธานาธิบดีกู้ดลัค โจนาธาน” ลิซา พินสลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนในแอฟริกาของ ACEI กล่าว “สัญญาโครงการโรงไฟฟ้าอะซูรา-เอโด ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานสำหรับอุตสาหกรรม และจะปลดปล่อยศักยภาพการผลิตพลังงานไฟฟ้าให้เหนือกว่าเฟสแรกที่มีกำลังการผลิตเพียง 459 เมกกะวัตต์”

ACEI เป็นพันธมิตรของเพาเวอร์ แอฟริกา (Power Africa) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในแอฟริกา ด้วยการเพิ่มการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดและยั่งยืน ACEI ได้ลงทุนเชิงรุกในบริษัทพลังงานของแอฟริกาหลายแห่ง เพื่อสร้าง พัฒนา สนับสนุนเงินทุน และบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในแอฟริกาตะวันตก แอฟริกาตะวันออก และแอฟริกาตอนใต้ ซึ่งคาดว่าในอีก 4 ข้างหน้า เม็ดเงินลงทุนจะสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์