VEHICLES

มิชลินเปิดตัวชูจุดเด่นสุดยอดพลังเบรก มุ่งเจาะตลาดยางสำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์
POSTED ON 29/05/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

มิชลิน เผยโฉมผลิตภัณฑ์ยางรุ่นล่าสุด 'มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+' ด้วยพลังเบรก MICHELIN Energy XM2+" ออกแบบมาเพื่อรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็กและอีโค่คาร์โดยเฉพาะ โดยมีศักยภาพเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

นายเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C เปิดเผยว่า "ยางมิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+ มีพัฒนาการทางสมรรถนะหลายด้านที่เหนือกว่า 'มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2' ซึ่งเป็นยางรุ่นก่อนหน้าที่ครองความเป็นผู้นำในตลาดยางสำหรับลูกค้าทั่วไป หรือ Mass Market อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปีเต็ม สำหรับยางรุ่นล่าสุดนี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และการใช้งานที่ยาวนานกว่าแม้ยางใกล้หมดดอก โดยให้ความมั่นใจในประสิทธิภาพการเบรกเต็มเปี่ยมจนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางครั้งต่อไป แคมเปญโฆษณาจึงเน้นจุดเด่นด้านพลังเบรกของยางรุ่นนี้ที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ขับขี่"

 

ด้วยนวัตกรรมเนื้อยางผสมซิลิกาสูตรใหม่ (Full-Silica Rubber Compound) ส่งผลให้ยาง 'มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+' มีค่าเฉลี่ยระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ* อยู่ที่ 1.5 เมตร เมื่อเทียบระหว่างยางสภาพใหม่ด้วยกัน และ 2.6 เมตร เมื่อเทียบระหว่างอย่างใกล้หมดดอก อีกทั้งยังรองรับระยะทางการขับขี่มากกว่ายางแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ  ถึงร้อยละ 25

 

"สัญลักษณ์บวก (+) บนแก้มยางบอกให้ทราบถึงการเสริมสูตรเนื้อยางใหม่ที่ส่งผลให้ยาง 'มิชลิน เอนเนอจีย์ เอ็กซ์เอ็ม 2+' มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าทั้งด้านสมรรถนะการเบรก อายุการใช้งาน และสมรรถนะที่ยาวนานกว่า นอกจากนี้ ยังคงสัญลักษณ์ Green X เอาไว้แบบเดียวกับยางรุ่นก่อนหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นยางที่มีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงาน การผสานคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าพร้อมกับให้ความมั่นใจได้ยาวนานกว่าและความคุ้มค่าสมราคาเข้าไว้ด้วยกันเชื่อว่าจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ขับขี่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และอีโค่คาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้อย่างทรงพลัง" นายเอกชัย กล่าว