Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปีนี้มีการนำเข้ารถยนต์จากอินเดีย 4,800 คัน เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการนำเข้ารถยนต์จากอินเดีย เช่น ค่าประกันภัย ค่าขนส่ง (CIF) ฯลฯ ซึ่งไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม จะอยู่ที่ประมาณคันละ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 131,000 บาท เมื่อเทียบกับรถยนต์นำเข้าจากไทย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ที่ยังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งอยู่ที่ประมาณคันละ 17,000-18,000 ดอลลาร์ หรือตกราว 587,000- 621,000 บาทต่อคัน ก็ถือว่ารถนำเข้าจากอินเดียมีราคาที่ถูกกว่าค่อนข้างมาก

นายบุ่ย ซวน จวง (Bui Xuan Truong) ผู้บริหารของบริษัท แอนนี่คาร์ เวียดนาม (Anycar Vietnam) กล่าวว่า เดิมทีลูกค้าในเวียดนามที่มีงบประมาณราว 300-400 ล้านด่อง หรือประมาณ 455,000-607,000 บาท จะนิยมซื้อรถยนต์มือสอง แต่หลังจากที่รถยนต์จากอินเดียเข้ามาทำตลาดด้วยราคาที่ค่อนข้างถูก จึงทำให้ลูกค้าเกือบทั้งหมดหันมาซื้อรถยนต์นำเข้าจากอินเดียแทน ซึ่งคนเวียดนามชอบรถจากอินเดีย เนื่องจากมีการออกแบบที่สะดุดตา มีหลายรุ่นให้เลือก และราคาก็ถูกกว่ารถยนต์จากประเทศอื่น

ด้าน นายฟาม ซวน มาย (Pham Xuan Mai) ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ เปิดเผยว่า รถยนต์จากอินเดียจะติดตั้งชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ น้อยกว่ารถยนต์ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศอื่น อย่างรถยนต์ขนาดเล็กที่นำเข้าจากอินเดียส่วนใหญ่จะมีถุงลมนิรภัยเพียงอันเดียวสำหรับคนขับ ไม่มีระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยนต์ไม่ประหยัดน้ำมัน ยางรถมีขนาดเล็ก และไม่เกาะถนน เป็นต้น ซึ่งทำให้คุณภาพในเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่อาจไม่ดีเท่ากับรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศอื่น แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่ามาก จึงทำให้ได้รับความนิยมในเวียดนาม

ทั้งนี้ คาดว่ารถยนต์จากอินเดียในเวียดนามอาจจะขายได้ดีในช่วงแรก ๆ แต่อาจจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับรถยนต์นำเข้าจากจีน คือในระยะยาวจะมีปัญหา เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย แล้วสุดท้ายยอดขายก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ