TECHNOLOGY

Megaport ผลิกโฉม Network Edge ด้วยการพัฒนา Megaport Virtual Edge
POSTED ON 18/08/2563


 

 

Megaport Limited ประกาศเปิดตัว Megaport Virtual Edge (MVE) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทำให้สามารถโฮสต์ Network Function Virtualization (NFV) เช่น ความสามารถ SD-WAN โดยตรงบน Software Defined Network (SDN) ที่มีใช้งานอยู่ทั่วโลกของ Megaport โดย MVE จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มที่กว้างขวางของ Megaport เพื่อติดตั้งและขยายฟังก์ชันเครือข่ายได้ใกล้ขอบกว่าเดิม (closer to the edge) แบบเรียลไทม์โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งฮาร์ดแวร์ ในขณะที่ Megaport กำลังร่วมมือกับ Cisco เพื่อทดลองใช้ Cisco SD-WAN ครั้งแรกบน MVE

“ในขณะที่องค์กรและผู้ให้บริการต่าง ๆ เริ่มจะเข้าใจถึงข้อดีของ SD-WAN อย่างเต็มที่ ความสามารถของ Megaport ในการคิดหาวิธีการให้ลูกค้าสามารถใช้งาน SD-WAN เสมือนทั่วโลกบนแพลตฟอร์มของเราได้อย่างง่ายดายในเวลาเพียงไม่นานนั้นนับเป็นตัวขับเคลื่อนที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับองค์กรทั่วโลก” Vincent English ซีอีโอของ Megaport กล่าว “การที่อุปกรณ์เสมือนเหล่านี้รวมเข้าอย่างสมบูรณ์กับแพลตฟอร์ม Megaport Interconnection Platform ทำให้การใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อมัลติคลาวด์ของเราได้ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น”

เขตสัญญาณ MVE ที่กระจายได้สูงนั้นจะสอดคล้องกับความต้องการของศูนย์กลางการค้าทั่วโลกเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานในพื้นที่สำหรับเครือข่ายความหน่วงต่ำ พร้อมมอบช่องทางที่จะมาช่วยให้สามารถจัดการการเชื่อมต่อแบบมัลติคลาวด์และในหลายสถานที่ได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ MVE ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานของเกตเวย์เพื่อเชื่อมต่อกับ SDN ของ Megaport ในแพลตฟอร์มที่เป็นกลางและเทคโนโลยีที่ไม่อิงกับแพลตฟอร์ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถก้าวข้ามรูปแบบเครือข่ายแบบเดิมและเข้าถึงการจัดการเครือข่ายที่ครบวงจรได้

SD-WAN เป็นตัวอย่างการใช้งานเครือข่ายแรกที่รองรับบน MVE ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายแบบ on-demand ที่ปลอดภัยของ Megaport ได้จากตำแหน่งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต SD-WAN ทั่วโลก โดยการสนับสนุนลูกค้านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างสถาปัตยกรรมเครือข่ายมัลติคลาวด์ที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถปรับขนาดตามการเติบโตของธุรกิจได้ในเวลาไม่นาน

ลูกค้าจะโฮสต์และจัดการอุปกรณ์ SD-WAN ในทันทีได้เต็มที่บน MVE เพื่อเชื่อมต่อโครงสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายทั่วโลกของ Megaport เข้ากับตำแหน่งที่เปิดใช้ SD-WAN ในขณะที่การติดตั้งและบำรุงรักษา SD-WAN จะสามารถทำได้ผ่าน API และในอีกไม่นานจะสามารถทำได้ผ่านการ point-and-click ของ Megaport โดยเมื่อเชื่อมต่อแล้ว ตำแหน่งที่เปิดใช้งาน SD-WAN จะสามารถจัดเตรียมการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศชั้นนำด้านคลาวด์ รวมถึงผู้ให้บริการ IT และศูนย์ข้อมูลอีกกว่า 700 แห่งของ Megaport ได้ตามต้องการ

Megaport ประกอบด้วยระบบคลาวด์กว่า 200 ระบบ ซึ่งนับว่ามากที่สุดในกลุ่มแพลตฟอร์มการเชื่อมต่ออีลาสติค ทั้งยังมีระบบนิเวศของผู้ให้บริการกว่า 360 ราย รวมถึง Alibaba Cloud, AWS, Google Cloud, Microsoft Azure, IBM Cloud, Oracle Cloud และ Salesforce และอื่น ๆ ทั้งนี้ MVE จะเข้ามาช่วยปลดล็อกพลังของระบบนิเวศของ Megaport และทำให้สามารถใช้ได้โดยไม่เกี่ยงสถานที่

Megaport SDN มอบการเชื่อมต่อที่เป็นส่วนตัวซึ่งสามารถปรับขนาดและมีความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลไปยังสถานที่หรือผู้ให้บริการรายสำคัญได้ในระดับเดียวกับผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับการใช้งานในภารกิจที่สำคัญ ๆ โดยมีลูกค้ากว่า 1850 รายที่ไว้ใจให้ Megaport ขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลของพวกเขา

Megaport และ Cisco มีโครงการที่จะรวม Megaport Virtual Edge เข้ากับ SD-WAN ที่ปลอดภัยของ Cisco ซึ่งขับเคลื่อนโดย Viptela เพื่อให้ SDN ของ Megaport สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี fabric SD-WAN ของ Cisco ได้ และทั้งสองก็ได้ชิญชวนลูกค้าที่ได้รับเลือกให้มาเข้าร่วมในโครงการทดลอง MVE แล้ว โดยมีแผนจะเปิดให้ใช้แพลตฟอร์ม Cisco SD-WAN บน MVE ในไตรมาสแรกของปี 2564

“การพัฒนา Megaport Virtual Edge ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Megaport” Bevan Slattery ผู้ก่อตั้งและประธานของ Megaport กล่าว “การสร้างแพลตฟอร์มที่จะเป็นสะพานเชื่อมต่อเครือข่ายหลายประเภทเข้ากับ SDN ของ Megaport โดยตรง ทำให้เราประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อระบบนิเวศชั้นนำของเราที่ประกอบด้วยผู้ให้บริการและศูนย์ข้อมูลทั้งหลายได้จากทุกที่ในโลก ซึ่งนี่จะมอบพลังการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบอีลาสติคให้กับธุรกิจอีกมากมายทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับ Cisco เพื่อรวมบริการ SD-WAN บน MVE เพื่อให้ลูกค้าสามารถควบคุมวิธีการเชื่อมต่อกับบริการสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขาได้ด้วยตนเอง”