Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

ดร.หลี่หยู หยาง ผู้จัดการทั่วไปบริษัท Jinneng Clean Energy Technology เผยถึงโมดูล HJT ของ Jinergy ว่า การผลักดันพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่กฎของมัวร์จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และขนาดของตลาดจะขยายใหญ่ตามไปด้วย ในบรรดาเทคโนโลยีโมดูลประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษนั้น โมดูล HJT มีโอกาสมากที่สุดที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีหลักแห่งอนาคต เพราะมีคุณสมบัติเด่นมากมาย เช่น กระบวนการผลิตที่ใช้ขั้นตอนน้อยกว่าและซับซ้อนน้อยกว่า ปลอดการเสื่อมสภาพแบบ LID/PID และค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ โมดูล HJT แบบกระจกสองหน้าของ Jinergy ยังมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าโมดูลโพลีคริสตัลไลน์ทั่วไปถึง 44%

ดร.หยางกล่าวว่า ปัจจุบัน โมดูล HJT ของ Jinergy มีค่าประสิทธิภาพการผลิตในปริมาณมากเฉลี่ยอยู่ที่ 23.79% ส่วนค่าของโมดูลใหม่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบอยู่ที่ระดับ 24.73% ด้านโมดูล JNHM72 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 452.5 วัตต์ ทั้งนี้ ข้อมูลจากสถานีไฟฟ้าทดลองของ Jinergy เผยให้เห็นว่า เมื่อติดตั้งในพื้นที่เดียวกัน โมดูล HJT ของ Jinergy มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าโมดูลทั่วไปที่มีระบบติดตามดวงอาทิตย์ราว 50%-70%

Jinergy เป็นบริษัทรายแรกๆในประเทศจีนที่จำหน่ายโมดูล HJT เชิงพาณิชย์ โดยโมดูล HJT ของ Jinergy ได้รับการรับรองตามมาตรฐานใหม่ของ IEC เป็นรายแรกของโลก ทั้งยังจดทะเบียนกับ DEWA และ JPAC

ดร.หยางกล่าวว่า "เมื่อต้องเผชิญกับการปรับโครงสร้างด้านพลังงานและการลด FiT เทคโนโลยีโมดูล HJT แบบกระจกสองหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ คือโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายในการประเมินการลงทุนของสถานีไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ Jinergy เพิ่งติดกลุ่มผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ระดับ Tier 1 ของ BNEF และเราจะเดินหน้าลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมกับสนับสนุนตลาดพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและเชื่อถือได้"