SPECIAL FEATURES

เรียนรู้ เข้าใจ BIG DATA เพื่อเดินหน้าสู่ระบบขนส่งอัจฉริยะแห่งอนาคต
POSTED ON 06/10/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

ปัจจุบัน บิ๊กดาต้า (Big Data) ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่การนำข้อมูลจำนวนมากมาใช้แก้ปัญหาด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดนั้นยังต้องอาศัยปัจจัยสำคัญอื่น ๆ อีกหลายด้าน โดยเฉพาะการนำข้อมูลบิ๊กดาต้าจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารมาใช้พัฒนาระบบขนส่งและแก้ไขปัญหาการจราจร

 

การนำข้อมูลบิ๊กดาต้าจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารมาใช้ร่วมกับการพัฒนาระบบขนส่งและแก้ไขปัญหาการจราจรนั้น ไม่ใช่เพียงการมีข้อมูลเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งหรือเพียงหยิบมือก็สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากปริมาณฐานข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบรูปแบบต่าง ๆ และเทคโนโลยีเบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล การลงทุนด้าน AI (Artificial Intelligence) เพื่อประมวลหาวิธีแก้ไข หรือประสบการณ์ในท้องที่ประเทศนั้น ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะข้อมูลที่ถูกต้องที่ภาครัฐนำไปใช้ย่อมหมายถึงการนำเม็ดเงินของประเทศไปใช้ให้เกิดการพัฒนาสูงสุด

 

ทั้งนี้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แกร็บ (Grab) ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม O2O (Online to Offline) ที่มีศักยภาพอย่างเด่นชัดในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อพัฒนาระบบขนส่ง ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

 

ข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงข้อมูลในเชิงลึกจากการใช้งานจริง

 

แกร็บเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีดาต้าซึ่งเกิดจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการให้บริการจริงมากว่า 6 ปีในระดับภูมิภาค และเกือบ 5 ปีเฉพาะสำหรับข้อมูลในประเทศไทย ซึ่งแกร็บมีประสบการณ์ในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้าจำนวนมหาศาลที่เกิดจากการใช้งานจริงกว่า 2,000 ล้านเที่ยว มาใช้เพื่อวิเคราะห์ในหลายมิติ ทั้งด้านสภาพการจราจร พฤติกรรมผู้บริโภค และเส้นทางการเดินทาง

 

ข้อมูลมหาศาลระดับบิ๊กดาต้าเหล่านี้ยังเสริมศักยภาพให้แกร็บมีความเข้าใจเชิงลึกถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างที่ไม่มีบริษัทไหนเทียบเท่า พร้อมกับสามารถนำข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้มาใช้ในการแก้ไขปัญหาการจราจรในภูมิภาค รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโต ตลอดจนการพัฒนาเมืองไปสู่สมาร์ทซิตี้ได้อีกด้วย

 

จากการใช้บริการเรียกรถมากกว่า 2,000 ล้านเที่ยว ในกว่า 253 เมือง ผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้บริการของแกร็บเพื่อเดินทางไปทำงาน ไปโรงเรียน สั่งอาหารกลางวัน และส่งของ ทำให้แกร็บมีข้อมูลเชิงลึกในการขับเคลื่อนระบบขนส่งยุคใหม่ รวมแล้วมากกว่า 3 เพตาไบต์ หรือขนาดเทียบเท่ากับการชมทีวีระดับ HD เป็นระยะเวลา 40 ปี หรือเกือบเท่าความจุของดีวีดี 690,000 แผ่น ซึ่งในแต่ละวัน แกร็บ ต้องประมวลผลข้อมูลผู้ใช้และผู้ขับสูงกว่า 20 เทราไบต์ จึงทำให้เข้าใจถึงปัญหาและสามารถส่งมอบบริการที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายของสาธารณูปโภคระบบจราจรของแต่ละประเทศในภูมิภาคได้อย่างตรงจุด

 

เทคโนโลยีชั้นนำในการนำข้อมูลมาใช้

 

นอกเหนือจากข้อมูลมหาศาล การแก้ปัญหาจราจรอย่างเป็นระบบยังต้องมีความเข้าใจในข้อมูลที่เก็บรวมรวมมาได้ รวมทั้งยังต้องมีการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลที่เก็บรวมรวมมาได้ ทั้งในด้านเทคโนโลยี Data Science ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ได้โดยอัติโนมัติ (Machine Learning) ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลกลายมาเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ส่งมอบบริการที่สะดวก ปลอดภัย และตอบโจย์ความต้องการอย่างตรงจุด และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนจัดการระบบและรับมือกับปัญหาสำคัญของภูมิภาคอย่างการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เมื่อเดือน ส.ค.2561 ที่ผ่านมา แกร็บได้ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) เปิดตัวห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อคิดค้นแนวทางแก้ไขระบบขนส่งในเมือง ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป โดยห้องปฏิบัติการ แกร็บ-เอ็นยูเอส เอไอ (Grab-NUS AI) เป็นโครงการลงทุนร่วมซึ่งมีมูลค่าการลงทุนตั้งต้นที่ 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 140 ล้านบาท และนับเป็นการลงทุนใหญ่สำหรับการสร้างห้องปฏิบัติการ AI แห่งแรกของแกร็บ รวมถึงเป็นห้องปฏิบัติการ AI แห่งแรกที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ลงทุนร่วมกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจ

 

ประสบการณ์จริงอันยาวนาน และเครือข่ายการเป็นพันธมิตรกับองค์การภาครัฐและเอกชน

 

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และแก้ไขปัญหาการจราจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากความร่วมมือของแกร็บกับหน่วยงานรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ รวมถึงนักวิชาการและพันธมิตร เพื่อพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก โดยโครงการความร่วมมือของแกร็บในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้แก้ไขปัญหาการจราจรนั้น ได้แก่ โครงการความร่วมมือของ OpenTraffic by World Bank ที่แกร็บได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลของประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ที่ให้ข้อมูล GPS โดยไม่เปิดเผยตัวคนขับ เพื่อให้เห็นสภาพการจราจรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาจริง เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นถนนที่การจราจรติดขัด เพื่อดูว่าจะระบายรถไปทางใด และสามารถตัดสินใจได้ทันที

 

ในประเทศสิงคโปร์ นอกจากแกร็บจะลงทุนกับการวิจัยข้อมูลร่วมกับมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ในการสร้างห้องทดลองปัญญาประดิษฐ์ เพื่อหาทางออกอัจฉริยะให้กับปัญหาของเมืองใหญ่ที่พบเจอในปัจจุบัน แกร็บยังทำโครงการรถชัทเทิลบัสนำร่องที่ทำร่วมกับองค์กร GovTech และข้อตกลงในการแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยงาน URA ในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย

 

อีกหนึ่งรัฐบาลที่แกร็บได้เข้าไปให้การสนับสนุนในแง่การขนส่งคือ ประเทศกัมพูชา โดยในเดือน ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา แกร็บลงนามข้อตกลงกับกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมของกัมพูชา เพื่อให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศ ภายใต้ข้อตกลงนี้แกร็บจะใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนและระบบการจราจร และยังร่วมมือกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ในประเทศกัมพูชาเพื่อช่วยลดมลภาวะและเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการจราจรในประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐครั้งแรกของประเทศ

 

ในส่วนของประเทศไทย แกร็บร่วมกับจังหวัดบุรีรัมย์ในการเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งอัจฉริยะนำร่องที่นำเอาบริการเรียกรถมาช่วยเสริมความพร้อมในการลำเลียงนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนในช่วงการแข่งขันโมโตจีพี สนามที่ 15 ซึ่งเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค.2561 และล่าสุดแกร็บยังได้ประกาศร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศที่ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน 25 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี (สมุย) และยังมีการพูดคุยถึงโครงการอื่น ๆ เพื่อต่อยอดในอนาคตอีกด้วย

 

ทั้งนี้ แกร็บยังเดินหน้าพูดคุยกับภาครัฐในอีกหลายภาคส่วนเพื่อพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่จะประกาศเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากการมีบิ๊กดาต้า และความสามารถในการนำข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้ในการวางแผนรับมือกับประเด็นสำคัญอย่างปัญหาการจราจรติดขัดในภูมิภาคจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดข้อมูลและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการนำข้อมูลมาใช้ รวมไปถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐและสถาบันต่าง ๆ นั่นจึงทำให้แกร็บกลายเป็นผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น Superapp ที่ตอบรับความต้องการในทุกวัน ที่มีความพร้อมในทุกด้านมากที่สุดในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยระบบขนส่งอัจฉริยะ และการพัฒนาของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย