SPECIAL FEATURES

ผู้ผลิตจะมุ่งสู่งยุคของโรงงานอัจฉริยะให้เร็วขึ้นได้อย่างไร
POSTED ON 05/10/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

บทความโดย แอนโธนี บอร์น ประธานบริษัท ไอเอฟเอส อินดัสทรีส์

 

ธุรกิจต่าง ๆ มักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่า พวกเขาจะล้มละลาย ถ้าหากไม่เปลี่ยนไปเป็นดิจิทัลอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับบรรดาผู้ผลิตแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถ้าหากต้องหยุดการผลิตแม้จะเพียงแค่วันเดียว ก็อาจเกิดความเสียหายที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้ และมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียรายได้หลายล้าน

 

จากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และการจัดวางรูปแบบของที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น โรงงานอัจฉริยะได้รับการยกย่องว่าเป็นวิธีที่เหล่าผู้ผลิตจะสามารถประสบความสำเร็จในการมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยในโรงงานเหล่านี้ หุ่นยนต์ และเครื่องจักร จะรับข้อมูลที่ถ่ายทอดตามเวลาจริงจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเอาไว้ เพื่อเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับความต้องการใหม่ พร้อมบริหารจัดการกระบวนการผลิตทั้งหมดแบบอัตโนมัติ

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลายคนแล้ว โรงงานอัจฉริยะยังเป็นดินแดนในฝันที่อยู่ห่างไกลออกไป โดยผลการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ของแคปเจมิไน (Capgemini) แสดงให้เห็นว่า 76% ของผู้ผลิตกำลังริเริ่มโรงงานอัจฉริยะ หรือกำลังทำงานเพื่อมุ่งตรงสู่ด้านนี้อย่างต่อเนื่อง มีเพียง 14% เท่านั้นที่มีความพึงพอใจอย่างแท้จริงกับระดับความสำเร็จของพวกเขา แต่ถึงกระนั้น กลุ่มผู้ผลิตไม่ควรรู้สึกว่าถูกครอบงำจนเกินไป และกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องโรงงานอัจฉริยะนี้ก็ไม่ควรเปลี่ยนแปลงมากเกินไป เร็วเกินไป หรือลงมือทำโดยไม่ได้รับคำปรึกษาอย่างเหมาะสมเสียก่อน

 

สำหรับเรื่องที่ผู้ผลิตทุกรายจำเป็นที่จะต้องพิจารณาหากต้องการเปิดตัวโรงงานอัจฉริยะ สามารถติดตามได้ตามเนื้อหาด้านล่างดังต่อไปนี้

 

1.การเข้าถึงครั้งแรกของธุรกิจ

 

เจ้าของธุรกิจ หรือผู้จัดการโครงการ และผู้อำนวยการ ที่ต้องการจะเริ่มต้นทำโรงงานอัจฉริยะ ไม่ควรบอกลูกค้าหรือคณะกรรมการบริหารบริษัทว่า พวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล แต่การประสบผลทางธุรกิจที่ดีกว่าเดิมในอนาคต จะเป็นการพิสูจน์ถึงการคงอยู่ของธุรกิจ และการได้รับมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากโรงงานผลิตและระบบนิเวศโดยรวม สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ในโรงงานอัจฉริยะควรสร้างการเชื่อมต่อระบบ IT/OT ในวงกว้าง และนำทุกอย่างมารวมไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์

 

ซึ่งโรงงานอัจฉริยะจะช่วยให้ผู้ผลิตได้รับประโยชน์จากการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาล และด้วยข้อมูลเหล่านี้ พวกเขาสามารถระบุและแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพ เรียนรู้และปรับเข้ากับความต้องการใหม่ได้อย่างรวดเร็ว คาดการณ์ถึงความไร้ประสิทธิผลในการดำเนินงาน หรือความผันผวนในการจัดหาและความต้องการที่เกิดขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการได้ทันเวลา

 

2.เชื่อมต่อเทคโนโลยีทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน

 

ผู้ผลิตบางรายมีระบบจักรกลที่ใช้มานานกว่า 50 ปี ซึ่งการที่เทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ ระบบกระบวนการทำงานโดยอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ หรือ RPA (Robotic Processing Automation) นำเสนอโอกาสที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ผลิตจะต้องเปลี่ยนเครื่องจักรที่ล้าสมัยในทันทีที่ทำได้ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงเครื่องจักรเท่านั้น

 

เทคโนโลยีหนึ่งที่จำเป็นสำหรับโรงงานอัจฉริยะทุกแห่งและอยู่กึ่งกลางระหว่างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล ก็คือ Internet of Things (IoT) โดยประโยชน์จาก Internet of Things สำหรับอุตสาหกรรม (IIoT) ได้รับการสนับสนุนอย่างแพร่หลาย ซึ่งอุปกรณ์ IoT จะรับข้อมูลมาจากเซ็นเซอร์ที่อยู่นอกโรงงานผลิตและจากเครื่องจักรในโรงงาน แต่ที่สำคัญก็คือ แนวทางนี้ยังช่วยธุรกิจขยายการดำเนินงานและนำเสนอบริการใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วย

 

จึงไม่น่าแปลกใจที่บริการภิวัฒน์จะขึ้นอยู่กับตัวเรา และบรรดาผู้ผลิตที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มบริการให้กับผลิตภัณฑ์ตัวเอง เพื่อนำเสนอผลลัพธ์ได้มากขึ้นจากความช่วยเหลือของโซลูชัน IoT ก็มีสิทธิ์ที่จะพลาดโอกาสทางธุรกิจที่มีค่าหรืออาจแย่กว่านั้นก็เป็นได้

 

3.มุ่งเน้นในเรื่องผู้คนและการสร้างพันธมิตร

 

โฉมหน้าภายในโรงงานจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึงในช่วงไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ หุ่นยนต์จะทำงานอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง 7 วัน ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีหน้าต่างและมีแสงน้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคนจะยังเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของผู้ผลิต

 

การปรับทักษะใหม่และเพิ่มทักษะให้กับลูกจ้างถือเป็นการเปิดวิสัยทัศน์พวกเขาให้เห็นถึงศิลปะของความเป็นไปได้ และทำให้พวกเขาอยู่รอดบนการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การปรับเป้าหมายในสถานที่ทำงาน แม้จะเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นความรับผิดชอบที่จำเป็นต้องทำ

 

4.เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ปรับขยาย

 

การลงทุนด้านโรงงานอัจฉริยะจำเป็นต้องแย่งย่อยการทำงานให้มีขนาดเล็กลง โดยคำนึงถึงโอกาสในลักษณะที่จำเพาะเจาะจงเป็นอย่างแรก จะเห็นได้ว่ามูลค่าและการเติบโตนั้นสามารถสร้างขึ้นมาได้จากการปรับขนาดสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว รวมถึงดำเนินการทดสอบกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีที่อยู่รายล้อมอย่างละเอียด ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ทดสอบที่น่าทึ่งและพร้อมให้บริการอยู่ทั่วโลก ที่ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถทดสอบแนวคิดนี้ได้อย่างปลอดภัยภายใต้สภาพแวดล้อมที่บริหารจัดการได้

 

อำนาจที่แท้จริงของโรงงานอัจฉริยะ คือความสามารถในการปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปขององค์กร ผู้ผลิตจำเป็นต้องก้าวไปทีละขั้นเพื่อเดินหน้าสู่อนาคตและต้องตระหนักว่า มีความเชี่ยวชาญที่ถูกต้องเหมาะสมรออยู่ข้างนอกเพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้จากการปรับใช้แนวทางโรงงานอัจฉริยะที่มีความเข้ากันได้ดีกับระบบปัจจุบัน ทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ และมีความยืดหยุ่นสูง