SPECIAL FEATURES

ทำไมโลจิสติกส์ถึงมีความสำคัญในการทำธุรกิจยุคอุตสาหกรรม 4.0
POSTED ON 05/04/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

บริษัท โลคัล มอเตอร์ส เป็นบริษัทผลิตรถยนต์จากแอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ โดยแทนที่จะเดินตามรอยกระบวนการออกแบบแบบดั้งเดิม โลคัล มอเตอร์ส กลับใช้ คราวด์ซ๊อส (Crowdsource) ในการหาแบบรถจากสังคมออนไลน์ เมื่อได้แบบที่ต้องการแล้ว โลคัล มอเตอร์ส ได้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติเพื่อแปลงข้อมูลดิจิตัลสู่โลกเสมือนจริงในกระบวนการสร้างรถเกือบทั้งหมด ทำให้โลคัล มอเตอร์ส ใช้เวลาเพียง 1 ปี ในการสร้างรถรุ่นใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติแล้วจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ  6 ปี

 

ตัวอย่างที่กล่าวข้างต้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติในโลกของการผลิตเป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่หลังจากปี 1970 หรือที่รู้จักกันดีในนามการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการผลิตตั้งแต่การออกแบบ การควบคุม และการนำไปปฏิบัติจริง และการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลถึงผู้ใช้ปลายทางของห่วงโซ่อุปทานคือผู้บริโภค

 

ในปัจจุบันเศรษฐกิจยุคอีคอมเมิร์ซได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ หรือที่เรียกว่า ธุรกิจยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ต้องเร่งปรับตัวตามให้ทัน

 

อุตสาหกรรม 4.0 เป็นสัญลักษณ์ของการนำความสามารถด้านดิจิตัลใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการผลิต รวมถึงในแต่ละกระบวนการของห่วงโซ่คุณค่า หรืออย่างง่ายที่สุด คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใน 1 ขั้นตอน เช่น เหมืองทองในแอฟริกาใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าที่ได้จากอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณ เพื่อค้นหาจุดบกพร่องในกระบวนการผลิต โดยเมื่อแก้ไขข้อบกพร่องนี้แล้วสามารถเพิ่มรายได้ถึง 37% หรือ 20 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทต่าง ๆ ควรมองที่ห่วงโซ่คุณค่าของตนเองแบบองค์รวม เพื่อจะประเมินถึงศักยภาพของบริษัทในอุตสาหกรรม 4.0

 

ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

 

หากพิจารณาในแง่ของแนวโน้มของรายได้จากประสิทธิภาพของต้นทุน การจัดการห่วงโซ่อุปทานนับมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในปัจจุบันการวิเคราะห์ข้อมูลจากบิ๊กดาต้าและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า ทำให้การคาดการณ์ความต้องการมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันมีบทบาทเพิ่มเติมที่สำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ารวมถึงการรักษาลูกค้าเดิม

 

ทุกหน่วยงานของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ตั้งแต่ศูนย์หน้าไปถึงแผนกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต คลังสินค้า การตลาด ฝ่ายขาย บัญชี การจัดส่งและการคืนสินค้า จึงต้องทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงควบคุมต้นทุนได้รวมถึงทำให้ลูกค้าพึงพอใจ

 

ตอบรับนวัตกรรม

 

โดยปกติแล้ว การควบรวมหน่วยงานต่างๆ ของธุรกิจค่อนข้างซับซ้อน โดยผลการวิจัยล่าสุดพบว่าผู้บริหาร 7% เชื่อว่าพวกเขาได้สร้างธุรกิจแบบครบวงจร ที่พร้อมสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 โดยที่เข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุนี้เองธุรกิจต่าง ๆ ยังคงต้องสร้างวัฒนธรรมที่พร้อมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงบุคลากรตั้งแต่ระดับผู้บริหารระดับสูงจนกระทั่งถึงพนักงานทั่วไป ที่พร้อมจะนำนวัตกรรมมาประยุกต์ในการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของบริษัท

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจควรจะเปรียบเทียบระหว่างความคุ้มค่าและอุปสรรคในการนำโลจิสติกส์มาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจพร้อมในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งผลประโยชน์ที่อาจจะได้รับอาจจะมากกว่าอุปสรรคก็เป็นได้ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม 

 

ตัวอย่างเช่น แอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินซึ่งลงทุนมหาศาลในการสร้าง ”โรงงานเพื่ออนาคต" หรือ “Factory of the Future” โดยการใช้กระบวนการผลิตเครื่องบินเสมือนจริงด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและหุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกัน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือการผลิตอัจฉริยะ เพราะแอร์บัสสามารถจะผลิตเครื่องบินได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน

 

รูปแบบของการแข่งขันในอนาคต

 

แน่นอนว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในห่วงโซ่อุปทาน เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น หน้าจอสัมผัส หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีเออาร์ (Augmented Reality) สามารถนำมารวบรวมและดัดแปลงเพื่อทำให้เกิดห่วงโซ่อุปทานที่จะสนองความต้องการของลูกค้า

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีที่บริษัทใช้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเลือกทำงานกับผู้ผลิต การใช้เทคโนโลยี และผู้ให้บริการโลจิสติกส์เพื่อทำให้ห่วงโซ่อุปทานสนองความต้องการของตลาด

 

หากสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างถูกต้อง บริษัทต่าง ๆ จะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจ ลดเวลาในการเข้าถึงตลาด ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและรายได้ ถึงแม้จะลงทุนมากก็ตาม โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่งคาดว่าจะกำไรจากการลงทุนคืนภายใน 2 ปี

 

กล่าวโดยสรุปคือ ปัจจุบันดิจิทัลมีบทบาทในธุรกิจมากขึ้น ดังนั้น บริษัทต่าง ๆ ควรเตรียมความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อความได้เปรียบของการแข่งขันธุรกิจในอนาคต