MOVEMENT NEWS

ที่สุดแห่งปี 63 จากรุงเทพโพลล์ โควิดนำหนึ่ง ชอบโปรเจ็คครึ่งหนึ่งของรัฐบาล
POSTED ON 26/12/2563


 

 

กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง "ที่สุดแห่งปี 2563" เพื่อชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ รวมถึงสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชน โดยสุ่มเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,090 คน ระหว่างวันที่ 18-22 ธันวาคมที่ผ่านมา

โดยข่าวในประเทศที่สนใจและติดตามมากที่สุดแห่งปี คือ ข่าวสถานการณ์โควิด-19 และการล็อกดาวน์ในประเทศไทย ร้อยละ 87.5 รองลงมาคือ ข่าวสาวลักลอบเข้าไทยติดโควิด-19 ร้อยละ 63.7 ตามด้วยข่าวรัฐบาลประกาศเยียวยาประชาชนช่วงโควิด-19 ร้อยละ 61.5, ข่าวจ่าคลั่งกราดยิงกลางเมืองโคราช ร้อยละ 34.9 และ ข่าวครูทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล ร้อยละ 34.4

ส่วนข่าวต่างประเทศที่สนใจและติดตามมากที่สุดแห่งปี คือ ข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ร้อยละ 79.4 รองลงมาคือ ข่าวการคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร้อยละ 60.6 ตามด้วยข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 52.3, ข่าวสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 24.3 และข่าวไฟไหม้ป่าออสเตรเลีย ร้อยละ 19.5

สำหรับบุคคลในสังคมไทยที่น่าชื่นชมและน่ายกย่องที่สุดแห่งปี คือ ทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ผู้เป็นด่านหน้าสู้โควิด-19 ร้อยละ 59.2 รองลงมาคือ ตูน บอดี้สแลม และโน๊ต อุดม กับโครงการตลาดใจ เปิดรับบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับโควิด-19 ร้อยละ 12.2 ตามมาด้วย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ร้อยละ 10.7, บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ลงพื้นที่แจกของช่วยเหลือสังคม ร้อยละ 10.1 และ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ มือปราบโควิด-19 ร้อยละ 3.5

ขณะที่โครงการ/มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ท่านชื่นชอบมากที่สุดแห่งปี คือ โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ 44.6 รองลงมาคือ โครงการเราไม่ทิ้งกัน ร้อยละ 19. ตามมาด้วยการลดค่าน้ำค่าไฟ และคืนเงินประกันค่าไฟและค่าน้ำ 15.4, การเพิ่มกำลังซื้อ 500 บาทเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 9.4 และ การลดเงินสมทบเข้าประกันสังคมช่วง โควิด-19 ร้อยละ 6.6

ที่สุดแห่งการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตในปีนี้ คือ การใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ (new normal) ร้อยละ 77.9 รองลงมาคือ งดใช้ถุงพลาสติก ลดโลกร้อน ร้อยละ 48.8 ตามมาด้วยการโอน-จ่ายเงิน ผ่านแอปฯ/สแกน QR Code ร้อยละ 43.0, การซื้อสินค้าและสั่งอาหารออนไลน์ส่งถึงบ้านมากขึ้น ร้อยละ 35.8 และ งดเดินทางไปต่างประเทศ ร้อยละ 20.3