Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics, Economic

บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรจากประเทศฝรั่งเศส จับมือนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ชลบุรี และระยอง จัดตั้ง Command Center ในรูปแบบ “สมาร์ท ซิตี้” นำร่องสู่การเป็นโมเดลระดับสากลแบบ Real Smart Industry City หรือเมืองอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัย ขานรับนโยบาย Thailand 4.0 พร้อมต้อนรับการเข้าเยี่ยมชมการบริหารจัดการให้กับผู้นำอาเซียนในปีนี้

อาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโซเด็กซ์โซ่ เป็นบริษัทที่มีจำนวนพนักงานทั้งหมดมากที่สุดเป็นอันดับ 19 ของโลก ด้วยจำนวนพนักงาน 427,000 คนทั่วโลก ที่ให้บริการใน 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสามารถให้บริการผู้บริโภคได้ถึง 100 ล้านคนต่อวัน

โซเด็กซ์โซ่ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการเติบโตในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากยิ่งขึ้นเนื่องจากยังมีช่องทางการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ โซเด็กซ์โซ่ได้จัดงานงานประชุมระดับผู้นำของบริษัทเป็นครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกให้มีประสิทธิมากขึ้นและมุ่งเน้นการเติบในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้ 200 ล้านยูโร หรือเติบโตขึ้น 25%

“ในปีที่ผ่านมา โซเด็กซ์โซ่ ได้เซ็นสัญญาระดับโลกจากประเทศในเอเชียมากขึ้น อาทิ หัวเว่ย และ Bytedance เจ้าของแอปพลิเคชัน Tik Tok จากที่ผ่านมามีการเซ็นสัญญาแบบ Global ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกา แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของธุรกิจประเภทการบริหารจัดการอาคารแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชียยังสามารถเติบโตได้มากขึ้น” ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าว

สำหรับประเทศไทย โซเด็กซ์โซ่ มีพนักงานกว่า 3,600 คน โดยในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไท เพิ่มขึ้นถึง 26% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งมีธุรกิจที่เติบโตมากที่สุด 2 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจภาคอุตสาหกรรมโรงงานและน้ำมัน (นอกชายฝั่งทะเลและพื้นที่ห่างไกล) พร้อมตั้งเป้าในปีนี้ว่าบริษัทฯ จะเติบโตมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 7-8% ซึ่งมาจากธุรกิจหลัก คือ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ครอบคลุมงานด้านซ่อมบำรุง การจัดเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วย พนักงานรักษาความปลอดภัย และแม่บ้าน โดยในปีพ.ศ.2562 โซเด็กซ์โซ่ ยังมีประเทศไทยเป็นฐานหลักในการที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิก เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ

ด้านกลุ่มลูกค้าของโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ประกอบด้วย 1) กลุ่มโรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สมิติเวช สุขุมวิท สมิติเวช ศรีนครินทร์ พญาไท 2 วิชัยยุทธ และโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยให้บริการอหารสำหรับดูแลผู้ป่วยและจัดาหาช่างสำหรับดูแลเครื่องมือแพทย์ 2) บริษัท / องค์กร อาทิ องค์กรสหประชาชาติ กูเกิ้ล ประเทศไทย ธนาคารทหารไทย อิมแพ็ค ยูนิลีเวอร์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เป็นต้น 3) สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (ประเทศไทย) โรงเรียนนานาชาติฝรั่งเศส เป็นต้น และ 4) องค์กรนอกชายฝั่งและพื้นที่ห่างไกล อาทิ เชฟรอน ทรานส์โอเชี่ยน เชลฟ์ ดริลลิ่ง ซีดริล เป็นต้น

โซเด็กซ์โซ่ นับเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทฝรั่งเศสที่ได้นำเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำสมัยมาให้บริการแก่ลูกค้า จะเห็นได้จากการที่บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์นำไอทีมาใช้ในการสร้าง Command Center ในรูปแบบ “สมาร์ท ซิตี้” อาทิ มีกล้อง CCTV มีพนักงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนกลาง มีรถ Mobile จัดระบบการจราจรภายในนิคมฯ ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมการทำงานของลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นแล้ว ยังสามารถรองรับนโยบาย Thailand 4.0 และที่สำคัญได้กลายเป็น “สมาร์ท ซิตี้” ตัวอย่างสำหรับการเข้าเยี่ยมชมการบริหารจัดการให้กับผู้นำอาเซียนในปีพ.ศ.2562

“เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ได้จับมือร่วมทุนกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ชลบุรี และระยอง จัดตั้งบริษัท โซเด็กซ์โซ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด โดยนำเทคโนโลยีไอทีเข้ามาวางระบบ Command Center เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง เพื่อผลักดันไปสู่การเป็นโมเดลระดับสากลแบบ Real Smart Industry City หรือเมืองอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัย โดยเริ่มโครงการนำร่องเดือนกรกฎาคม 2561 พร้อมตั้งเป้าว่าจะแล้วเสร็จมิถุนายน 2562 นี้ “ อาร์โนด์ กล่าว

เพื่อเป็นการสร้างความเท่าเทียมในสังคมไทย ในปีพ.ศ.2561 โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้พิการจำนวน 25 คน ได้เข้ามาทำงานในแผนกต่างๆ อาทิ ล้างจาน เสิร์ฟอาหาร โดยบริษัทฯ ยังมุ่งมั่นจัดทำโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง