MOVEMENT NEWS

ก.อุต จับมือญี่ปุ่นเปิดศูนย์นวัตกรรมยกะดับอุตสาหกรรมอาหารไทย
POSTED ON 16/11/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยความร่วมมือของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันอาหาร และจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น จัดพิธีเปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย(Mie – Thailand Innovation Center) ณ ที่ทำการสถาบันอาหาร ซอยอรุณอมรินทร์ 36 พร้อมรับมอบเครื่องจักรแปรรูปอาหารมูลค่า 25 ล้านเยน จากบริษัท SUEHIRO EPM ประเทศญี่ปุ่น ต่อยอดการวิจัยและการทำต้นแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารจากวัตถุดิบของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช

 

นับเป็นความร่วมมือทางเทคโนโลยีครั้งแรกในด้านการแปรรูปอาหาร ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างบีโอไอและจังหวัดมิเอะ เผยญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าด้านอาหารอันดับ 1 ของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอาหารอันดับ 4 ของญี่ปุ่น คาดสิ้นปี 2561 ไทยจะส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2560 ส่วนปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 8 มูลค่าส่งออกราว 140,000 ล้านบาท

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย (Mie – Thailand Innovation Center) ว่าความร่วมมือจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทยในครั้งนี้ เกิดจากการประชุมหารือร่วมกันเมื่อครั้งเดินทางเยือนจังหวัดมิเอะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นความร่วมมือที่มีการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นในลักษณะ Local to Local ที่ได้มีการหารือแนวทางต่อยอดการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีแผนที่จะดำเนินการร่วมกันในอนาคต ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันในทุกระดับมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ในปี 2560 พบว่าญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนอันดับ 1 และมีมูลค่าการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 47 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

ในด้านการค้าอาหารนั้น ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอาหารอันดับ 4 ของญี่ปุ่น โดยไทยส่งออกอาหารไปญี่ปุ่นสัดส่วนร้อยละ 13.3 ขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าจากไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.4 โดยมีสัดส่วนค่อนข้างคงที่ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ในปี 2560 ทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่าการค้าอาหารรวมกัน 145,000 ล้านบาท โดยไทยส่งออกอาหารไปญี่ปุ่นมูลค่า 135,300 ล้านบาท ขณะที่ญี่ปุ่นส่งออกอาหารมาไทย 9,800 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 คาดว่าไทยจะส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 130,000 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2560 ส่วนในปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 8 มูลค่าส่งออกราว 140,000 ล้านบาท โดยสินค้าอาหารที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 5 อันดับแรก ได้แก่ ไก่สดและไก่แปรรูป 46% อาหารทะเลสด และแปรรูป 29% (เช่น กุ้งแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง) ผักผลไม้สด และแปรรูป 4% (เช่น มะม่วง กล้วยหอม ทุเรียน ข้าวโพดหวาน สับปะรดกระป๋อง) น้ำตาลทราย 4% ข้าว 3% ส่วนสินค้าอาหารที่ไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหารทะเลสดแช่เย็นแช่แข็ง 55% (เพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรม และใช้บริโภคสด) เครื่องปรุงรส7% (ใช้ในครัวเรือนและร้านอาหาร/โรงแรม) เนื้อวัวสด/แช่เย็น 3% (ส่วนใหญ่ใช้ในร้านอาหาร/โรงแรม) ผลไม้สด 2% และไข่ปลาคาเวียร์ 2% (ส่วนใหญ่ใช้ในร้านอาหาร/โรงแรม)

ปัจจุบันมีบริษัทจากจังหวัดมิเอะถึง 30 บริษัทที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยี เคมีเคิล อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการท่องเที่ยว เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับสินค้าอาหารที่มีชื่อเสียงของจังหวัดมิเอะ อาทิ สินค้าของบริษัท Yamamori ผู้ผลิตแกงบรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ และแกงก้อน เช่น แกงกะหรี่ และซอสโชยุ ที่คนไทยรู้จักกันดี มีโรงงานสาขาตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ผลิตแกงไทยบรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ ส่งออกไปญี่ปุ่น เช่น แกงเขียวหวาน ปูผัดผงกะหรี่ และแกงเผ็ด เป็นต้น

“ผมมั่นใจว่าศูนย์นวัตกรรมจังหวัดมิเอะ – ประเทศไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างจังหวัดมิเอะกับประเทศไทยที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมและจะเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภาอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะช่วยให้เกิดความร่วมมือที่ขยายวงไปในด้านการค้า การลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างกันได้ต่อไปในอนาคต”