MANUFACTURING

มาม่า ลุยขยายตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศ ชี้ ในไทยเริ่มอิ่มตัว
POSTED ON 09/01/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" (MAMA) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นับจากนี้จะมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยค่อนข้างอิ่มตัว ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ราว 17,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตคงที่ที่ระดับ 1-2% เหตุจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ และผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น

 

สำหรับโรงงานในต่างประเทศของบริษัทฯ มีอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ฮังการี และบังกลาเทศ โดยในเมียนมามียอดขายอยู่ที่ 650 ล้านบาท ถือว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ดีมาก ซึ่งตอนนี้บริษัทฯ มีโรงงานอยู่ในย่างกุ้ง กำลังการผลิต 5 ล้านก้อนต่อเดือน และตอนนี้ใช้ไปกว่า 60-70% แล้ว ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ เตรียมไปตั้งโรงงานใหม่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ด้วยงบลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาท โดยแบบโรงงานเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต หากโรงงานแห่งใหม่เสร็จจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในเมียนมาได้อีกเท่าตัว

 

ส่วนโรงงานผลิตในกัมพูชาตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ โดยพฤติกรรมผู้บริโภคในกัมพูชาค่อนข้างชื่นชอบสินค้าจากประเทศไทย ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของมาม่ามีมากถึง 80% และมียอดขายราว 300 ล้านบาท

 

ขณะที่โรงงานในฮังการีสามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 100% บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีจากการส่งออกไปยังทวีปยุโรป โดยยอดขายในประเทศดังกล่าวอยู่ที่ 250 ล้านบาท ซึ่งจากการเข้าไป 3-4 ปีถือว่าธุรกิจเป็นไปตามเป้า มีการส่งออกไปเยอรมนีมากที่สุดภายใต้แบรนด์ “ไทยเชฟ” (Thai Chief)

 

ประเทศสุดท้าย บังกลาเทศ ถือว่ามียอดขายน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศข้างต้น เนื่องจากราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีราคาถูกเท่ากับสตรีทฟู้ด บริษัทฯ จึงมีการปรับแผนด้วยการพยายามส่งออกไปยังอินเดียจากฐานการผลิตที่บังกลาเทศ แต่ก็ไม่ง่าย เนื่องจากมีเรื่องกฎหมายและนโยบายที่ไม่เหมือนกัน

 

ในปี 2559 ภาพรวมยอดขายทั้งในและต่างประเทศรวมกันของบริษัทฯ อยู่ที่ประมาณ 10,337 ล้านบาท กำไร 1,980 ล้านบาท ส่วนปี 2560 คาดว่าจะอยู่ที่ 10,651 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 3.04% กำไร 2,099 ล้านบาท โดยสัดส่วนการทำตลาดภายในประเทศคิดเป็น 80% และส่งออก 20%