MANUFACTURING

Osram เริ่มดินเครื่องโรงงานผลิตชิป LED แห่งใหม่ในมาเลย์
POSTED ON 08/12/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นาย Olaf Berlien ซีอีโอของ OSRAM Licht AG ได้กล่าวในระหว่างพิธีเปิดโรงงานแห่งใหม่ว่า "เราทำได้ตามกำหนด ทั้งยังอยู่ในงบที่วางไว้ และเมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตมหาศาลของเราถึง 19% ในธุรกิจหลอดไฟแอลอีดี เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดฐานการผลิตแห่งใหม่ นอกจากนี้ การลงทุนในกูลิมยังเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและการก้าวสู่ความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไฮเทค โดยตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษนี้ หลอดไฟแบบดั้งเดิมยังคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของธุรกิจของ Osram แต่ในปัจจุบัน ยอดขายสองในสามของเรามาจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Optical Semiconductor"

 

ในเดือน พ.ย.2558 Osram ได้ประกาศแผนการสร้างโรงงานชิปแอลอีดีแห่งใหม่ในกูลิม พร้อมตั้งเป้าเปิดดำเนินงานภายในสิ้นปี 2560 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มเพื่อการเติบโตและนวัตกรรม Diamond ผ่านมาเพียง 2 ปีหลังจากการประกาศดังกล่าว และเพียงหนึ่งปีครึ่งหลังพิธีวางศิลาฤกษ์ ปัจจุบันโรงงานแยกส่วนประกอบและสามารถขยายต่อเติมได้แห่งนี้ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว โดยใช้เงินลงทุนไปทั้งสิ้น 370 ล้านยูโร (ราว 14,225 ล้านบาท) ในการก่อสร้างขั้นแรก และ Osram สามารถขยายโรงงานแห่งนี้เพิ่มอีก 2 ขั้น รวมเป็นงบประมาณถึง 1,000 ล้านยูโร (ราว 38,450 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงการขยายกำลังการประกอบแอลอีดีในเครือข่ายโรงงานทั่วโลกของ Osram

 

นาย Aldo Kamper ซีอีโอธุรกิจ OSRAM Opto Semiconductors เน้นย้ำถึงกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในเมืองกูลิม โดยกล่าวว่า "เราสามารถเปลี่ยนไฟถนนในมหานครนิวยอร์ก ริโอ ฮ่องกง และเบอร์ลิน เป็นไฟแอลอีดีทั้งหมดด้วยระยะเวลาการผลิตเพียงหนึ่งสัปดาห์ และหากจะยกระดับไฟถนนทั่วโลก กูลิมจะต้องผลิตไฟแอลอีดีตลอดระยะเวลาห้าปีครึ่งเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไฟแอลอีดีสามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุด 80% เมื่อเทียบกับไฟถนนแบบเดิม นอกจากนี้ ไฟแอลอีดียังให้แสงที่มีความเสถียรของสีมากกว่า ทั้งยังสามารถหรี่และปรับแสงได้เร็วขึ้น ดังนั้น ถนนหรือทางเดินที่ไร้ผู้คนจึงไม่จำเป็นต้องมีแสงไฟส่องสว่างในระดับสูงสุดตลอดเวลา       

 

โรงงานของ Osram ในเมืองกูลิมจะผลิตชิปแอลอีดีสีน้ำเงิน ซึ่งสามารถให้แสงสีขาวผ่านทางกรรมวิธีคอนเวอร์เตอร์เลเยอร์ ไฟประเภทนี้ผลิตขึ้นมาสำหรับการใช้แสงทั่วไป อาทิ ไฟถนนสาธารณะดังที่กล่าวไปข้างต้น แต่ยังสามารถใช้เป็นไฟที่ผนังด้านหน้า ภายในและภายนอกบ้านเรือนและอาคารร้านค้า หรือใช้กับป้ายประกาศขนาดใหญ่ ตลอดการใช้งานในรูปแบบพิเศษ เช่น การเพาะปลูก ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ตลาดแอลอีดีทั่วโลกสำหรับการส่องสว่างทั่วไปนั้นจะมีมูลค่าราว 6 พันล้านยูโรในปี 2561 ซึ่งประมาณ 6% ในจำนวนดังกล่าวเป็นไฟถนน ขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7% ต่อปีไปจนถึงปี 2563 ขณะเดียวกัน ตลาดชิ้นส่วนออปโตอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงไฟเพื่อการใช้งานทั่วไปนั้น จะอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านยูโรในปี 2561

 

นอกจากนี้ ในระยะกลางโรงงานที่กูลิมจะผลิตชิปแอลอีดีสำหรับการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ไฟรถ และการฉายภาพวิดีโอ เป็นต้น โรงงานแห่งนี้มีทำเลที่ตั้งอยู่กลางทุ่ง จึงสามารถออกแบบโรงงานและใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้อย่างเต็มที่ และเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี 4 นิ้ว ระบบการผลิตสำหรับแผ่นเวเฟอร์ 6 นิ้วนั้น ผลิตชิปแอลอีดีได้มากกว่าถึง 125% ต่อรอบ

 

Osram กำลังเดินหน้าลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตเดิมหกแห่งในเครือข่ายการผลิตแอลอีดีของบริษัท ด้วยเหตุนี้ Osram จึงกำลังขยายโรงงานในเรเกนสบูร์กด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันโรงงานแห่งมีพนักงานราว 2,500 คน และจะว่าจ้างพนักงานเพิ่มอีกถึง 1,000 คน เพื่อผลิตชิปแอลอีดีแบบพรีเมียมและเลเซอร์ไดโอด ซึ่งใช้ในไฟหน้ารถคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังจะผลิตไดโอดอินฟาเรดสำหรับเซนเซอร์ที่สามารถนำไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ อาทิ ฟีเจอร์จดจำใบหน้าในโทรศัพท์มือถือ หรือสำหรับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (อาทิ Proximity Sensor) ในรถยนต์

 

ขณะเดียวกัน Osram จะขยายโรงงานในเมืองชวาบมึนเชน และในอนาคต Osram จะผลิตวัตถุดิบหลักของแอลอีดีในห้องปลอดเชื้อที่โรงงานดังกล่าว Osram ยังมีโรงงานผลิตวัตถุดิบหลักของแอลอีดีในเมืองเอ็กเซเตอร์ในสหรัฐ ส่วนที่เมืองอู๋ซี ประเทศจีนนั้น Osram กำลังขยายกำลังการประกอบชิปแอลอีดีเข้ากับผลิตภัณฑ์แอลอีดีที่เสร็จสมบูรณ์ อาทิ ไดโอดปล่อยแสงในที่พักอาศัย และในผลิตภัณฑ์ออปติกหลัก เป็นต้น ขณะที่ในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งไม่ไกลจากเมืองกูลิม ก็เป็นฐานการผลิตและประกอบชิปแอลอีดีเช่นกัน