LOGISTICS

ผู้ส่งออกขอเลื่อนส่งสินค้า หวั่นปัญหาการเมืองไม่สามารถส่งของได้ทัน
POSTED ON 07/01/2557


 

ข่าวโลจิสติกส์ - นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกได้เตรียมแผนรับมือการส่งสินค้าจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรง โดยการขอเจรจากับลูกค้าต่างประเทศด้วยการขอเลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อป้องกันกรณีที่เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงจนไม่สามารถส่งสินค้าตามตามกำหนด เนื่องจากการส่งสินค้าตรงหรือไม่ตรงเวลาจะเป็นความน่าเชื่อถือสำคัญในการทำธุรกิจ

 

“วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศครั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก ดังนั้น ผู้ส่งออกต่างก็มีประสบการณ์ในการเตรียมการรับมือบวกมาแล้ว โดยเฉพาะประสบการณ์เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ซึ่งมาตรการที่ใช้เช่น เลื่อนหรือชะลอการส่งมอบสินค้าตามความเหมาะสมของแต่ละสินค้าและผู้สั่งซื้อ” นายนพพร กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้ผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีความกังวลและได้สอบถามเข้ามาว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดที่ตกลงไว้หรือไม่ซึ่งผู้ส่งออกไทยยืนยันว่าจะส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนดแต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ซื้อในต่างประเทศบางรายอยู่ในภาวะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทำให้บางรายอาจลดความเสี่ยงด้วยการกระจายแหล่งซื้อสินค้าไปยังประเทศคู่แข่งของไทยได้ใน 3 กลุ่มสินค้า คือ อาหาร สิ่งทอ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สามารถนำเข้าทดแทนจากคู่แข่งได้

 

นายนพพร กล่าวว่า สภาฯ ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ 4 ระดับ ระดับแรกการชุมนุมเริ่มส่งผลต่อการขนส่งสินค้าและการทำธุรกรรมให้ชะลอลงหรือหยุดชะงักชั่วคราว ระดับ 2 ผลกระทบต่อการส่งออกให้หายไปในทันที ทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นแต่เป็นระยะสั้น  ส่วนระดับ 3 มีปัญหาจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้การส่งออกเริ่มมีปัญหามากขึ้น เพราะกฎระเบียบบางอย่างต้องพึ่งพานโยบายภาครัฐ และระดับ 4 การชุมนุมไม่มีทีท่าว่าจะจบและมีแนวโน้มยืดเยื้อจนไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ หรือมีรัฐบาลแล้วก็ยังคงมีปัญหาจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นกระทบต่อการส่งออกและการลงทุน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงที่สุดแต่ขณะนี้ประเมินสถานการณ์อยู่ระดับ 1

 

ด้าน นายอัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มสถานการณ์การส่งออกไทยในไตรมาสที่ 1/2557คาดว่าจะมีมูลค่า 55,800-57,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.5-1.9% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่เต็มที่และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

 

ส่วนการส่งออกตลอดทั้งปี 2557 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.88% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 233,000– 241,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยในไตรมาส 2 ส่งออกขยายตัวเป็นบวก 4% ในไตรมาส 3 ขยายตัว 7% และ ขยายตัว 10% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการประเมินบนพื้นฐานเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในไตรมาส 2 การชุมนุมทางการเมืองและมีรัฐบาลในไตรมาส 2 ค่าเงินบาทอ่อนค่าไม่เกิน 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันโลกอยู่ระหว่าง 95-104 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4%

 

ภาพรวมส่งออกปี 2557 จะดีขึ้นกว่าปี 2556 ที่ติดลบ 0.25% และโดยคาดว่าปี 2557 จะขยายตัวช่วง 2.06-5.60% ซึ่งมีโอกาสมากสุดที่จะขยายตัว 3.88% หรือมีมูลค่า 237,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกปีนี้อันดับแรกคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกความผันผวนของค่าเงินเงินเฟ้อตลาดโลกและปัญหาการเมืองกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภคลงทุน และท่องเที่ยวลดลง

 

แม้ว่าสถานการณ์การเมืองภายในประเทศจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ค้าทำให้เกิดความกังวลต่อการส่งสินค้าของประเทศไทยว่าจะสามารถทำได้ตามกำหนดหรือไม่และคู่ค้าอาจปรับเปลี่ยนคำสั่งซื้อสินค้ากับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนแทน

 

ทั้งนี้ ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ความสามารถในการส่งออกสินค้าไทยให้กับประเทศคู่ค้ามั่นใจในการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง และหากไม่มีสถานการณ์ทางการเมืองเชื่อว่าการส่งออกของไทยจะสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น

 

สำหรับปัจจัยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยหนุนให้กับการส่งออกไทยมากนักเนื่องจากเป็นการอ่อนค่าตามภูมิภาคและประเทศคู่แข่งบางประเทศของไทยค่าเงินอ่อนค่าลงมากกว่าประเทศไทย ดังนั้น คาดว่าปี 2557 ค่าเงินบาทของไทยจะอยู่ในช่วง 32.07- 34.24 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 33.16 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนสุดในรอบ 5 ปี อ่อนค่าลง 7.90% จากปีที่ผ่านมา

 

โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาอยู่ในช่วง 32.95-35.35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 34.15บาทต่อเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสอ่อนค่าลงไปแตะที่ระดับ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐได้

 

ที่มา : เดลินิวส์