LOGISTICS

เริ่ม 1 ม.ค.นี้ ใช้ e-Form D ในการส่งออกไป 4 ประเทศอาเซียน
POSTED ON 21/12/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 เป็นต้นไป การส่งออกไปยัง 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม จะต้องใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Form D เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร เนื่องจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (SC-AROO) ครั้งที่ 25 เมื่อปลายเดือน พ.ย.2560 ที่ผ่านมา มีมติให้นำระบบ e-Form D ไปใช้ในทางปฏิบัติ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุขัดข้องทางระบบ จึงจะสามารถใช้ Form D แบบกระดาษแสดงต่อศุลกากรประเทศผู้นำเข้าเพื่อขอรับสิทธิพิเศษแทนได้

 

ทั้งนี้ กรมฯ มีความพร้อมในการออก e-Form D โดยผู้ส่งออกที่เคยส่งออกไปยังทั้ง 4 ประเทศในอาเซียน จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เพราะในการขอรับ Form D ก็เพียงแค่ยื่นคำขอผ่านระบบของกรมฯ เช่นเดียวกับการดำเนินการในปัจจุบัน จากนั้นกรมฯ จะส่งข้อมูลหนังสือรับรองฯ ไปยังศุลกากรประเทศปลายทางโดยตรงแทนการสั่งพิมพ์ Form D ทำให้ผู้ส่งออกได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลา ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ และยังแก้ปัญหาการปลอมแปลงเอกสารทางการค้า

 

“กรมฯ มั่นใจว่าการใช้ e-Form D จะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการของไทย สามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ภายใต้ข้อตกลงอาเซียนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และทำให้สินค้าส่งออกไทยมีศักยภาพและความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดอาเซียนสูงขึ้นด้วย" นายอดุลย์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่เสถียรของระบบในช่วงแรก การขอรับ e-Form D ควรดำเนินการพร้อมกับการใช้ Form D แบบกระดาษไปก่อน แต่การแสดงเอกสารเพื่อขอรับสิทธิพิเศษที่ประเทศปลายทางศุลกากรจะพิจารณาจาก e-Form D เป็นลำดับแรกตามมติที่ประชุมอาเซียน

 

ในปัจจุบันมีหน่วยงานที่สามารถให้บริการออก e-Form D ครอบคลุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย กรมการค้าต่างประเทศใน 4 สาขา ได้แก่ ส่วนกลาง, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รัชดาภิเษก และ ท่าเรือกรุงเทพฯ -คลองเตย และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) 8 แห่ง ประกอบด้วย เชียงใหม่, สงขลา, ชลบุรี, สระแก้ว, หนองคาย, เชียงราย, ตาก และมุกดาหาร โดยในอนาคตอันใกล้คาดว่าจะมี สพจ. เพิ่มอีก 6 แห่ง คือ นครพนม, ภูเก็ต, สตูล, ยะลา, นราธิวาส และลำพูน ที่พร้อมรองรับให้บริการเพิ่มเติม