LOGISTICS

ผู้ส่งออกโอดหนัก หลัง IADA เตรียมขึ้นค่าเซอร์ชาร์จหน้าท่า 3 เท่า
POSTED ON 07/11/2557


โลจิสติกส์ - นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือครอบคลุมพื้นที่เขตเอเชีย หรือ IADA จะขอขึ้นค่าภาระหน้าท่า (เซอร์ชาร์จ) 3 เท่า จากเดิมเก็บที่ 83 เหรียญสหรัฐ เป็น 241 เหรียญสหรัฐ ต่อตู้ 20 ฟุต หรือจาก 2,400 บาท เป็น 7,500 บาท โดยมีผลนับจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป

 

"ค่าใช้จ่ายนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากค่าระวางเรือ ถือเป็นภาระที่สูงเกินไป สภาผู้ส่งออกฯ ไม่สามารถยอมรับการปรับขึ้นภาระหน้าท่าได้ จึงทำขอข้อมูลชี้แจงจากทาง IADA ก่อน เพราะจะเป็นภาระให้กับผู้ส่งออกทั้งปีนี้และปีหน้าเป็นจำนวนเงินมหาศาล จากปัจจุบันการส่งออกก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และเชื่อว่าผู้นำเข้าคงจะไม่สามารถยอมรับภาระต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น" นายไพบูลย์ กล่าว

 

ล่าสุด สภาผู้ส่งออกฯ ได้ทำหนังสือถึง IADA เพื่อขอรายละเอียดการปรับขึ้นค่าภาระหน้าท่า เช่น ค่าเทียบเรือ ค่าขนสินค้าลง ค่าเอกสาร หรือค่าอื่นๆ พร้อมทั้งขอข้อมูลเพิ่มเติมจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่ามีการปรับขึ้นค่าเทียบเรือหรือไม่ อัตราเท่าไร โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวมาหารือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผูกขาดการค้า กำไรเกินควร โดยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับขึ้นค่าภาระหน้าท่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จ แต่ต้องมีความชัดเจนและเหมาะสม พร้อมชี้แจงรายละเอียดเป็นที่ยอมรับได้ และขอขยายระยะเวลา 1 เดือน หรือให้มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2558 แทน เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว

 

ทั้งนี้ IADA มีสมาชิกผู้ให้บริการเรือขนส่งประมาณ 20 บริษัท โดยให้บริการเดินเรือขนส่งเอเชีย ยุโรป เอเชีย-แปซิฟิก เป็นต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ IADA ขอปรับขึ้นค่าแออัดหน้าท่าของท่าเรือในฮ่องกง แต่ทางสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือฮ่องกงรวมตัวกันคัดค้านประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ทางผู้ให้บริการเรือไม่สามารถปรับขึ้นค่าแออัดได้ จึงเป็นเหตุให้ทาง IADA ขอปรับค่าเซอร์ชาร์จในประเทศอื่นๆ

 

ด้าน นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกฯ กล่าวว่า การส่งออกไทยในปี 2557 คาดว่าจะติดลบ 0.4% จากปี 2556 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2557) ไทยส่งออกมูลค่า 170,456.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.85% พร้อมคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2558 จะขยายตัว 2.5% จากปี 2557 เป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

 

"อย่างไรก็ตาม ปัญหาขีดความสามารถการส่งออกไทยที่ลดลง หากยังอยู่ในสถานะอย่างที่ผ่านมาเชื่อว่าการส่งออกจะอยู่ในระดับนี้ ขณะที่เวียดนามมีโอกาสที่จะแซงไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยควรเร่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน แก้ปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง การปรับกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า การเพิ่มบุคลากรในสายวิชาชีพเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การพัฒนาประเทศสู่การเป็น Trading Nation เป็นต้น" นายนพพร กล่าว

 

โดยทางสภาผู้ส่งออกฯ เตรียมพบหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็น Trading Nation ตามยุทธศาสตร์ระดับประเทศระยะ 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า โดยจะใช้การค้าเป็นตัวนำเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ต้องหาอุปสรรคการค้า-ส่งออก และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศด้วย โดยประเด็นนี้ได้มีการหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์ไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ