ข่าวโลจิสติกส์ - นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและก๊าซเอ็นจีวีภาคขนส่งเพิ่มขึ้น ว่า ส่วนตัวมองว่าการปรับขึ้นราคาพลังงานของภาครัฐเป็นดาบ 2 คม โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการปรับเพื่อบริษัท หรือปรับเพื่อเก็บภาษีสรรพสามิตเพื่อใช้ในงบประมาณปี 2558 ทั้งนี้ เห็นด้วยหากจะมีการปรับเพื่อการเก็บภาษีมาใช้ในงบประมาณปี 2558 เพื่อการบริหารจัดการด้านงบประมาณ เพราะที่ผ่านมา การเก็บภาษีต่างๆ ไม่เป็นไปตามเป้า

อย่างไรก็ตาม หากปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีนั้น อยากให้ทางภาครัฐพิจารณาเวลาที่เหมาะในการปรับเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาพลังงานที่จะเกิดขึ้น ซึ่งหากปรับราคาน้ำมันขึ้น ภาคขนส่งต้องปรับราคาขนส่งมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาค่าขนส่งถูกกดให้ลดลงมาเป็นเวลานาน โดยทางสหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทยจะมีการหารือกันอีกครั้งถึงการปรับราคาค่าขนส่งก่อนที่จะมีการเข้าพบภาครัฐ เพื่อเสนอแนวทางเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

นอกจากนี้ นายยูยังกล่าวถึงสถานการณ์การขนส่งด้วยว่า การขนส่งของไทยในปี 2557 ได้มียอดการขนส่งที่ลดลงจากปี 2556 หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบางจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยการส่งออกในปีนี้คาดว่าน่าจะลดลงจากเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ ในส่วนการลงทุนจากต่างชาติ ขณะนี้มีการชะลอการลงทุนลง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน และตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐมีโครงการลงทุนจำนวนมากแต่ติดปัญหาทางด้านการเมือง ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐชะลอลง ทำให้ไม่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่หดตัว เนื่องจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น และจากโครงการรถคันแรก

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับภาครัฐ โดยภาครัฐควรมีการกระจายอำนาจและร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเอกชน ให้เดินหน้าต่อไปได้

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น