ข่าวโลจิสติกส์ - นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า ในปลายเดือนมิถุนายนนี้สภาผู้ส่งออกจะมีการประชุมร่วมกับสมาชิกเพื่อหารือถึงแนวทางการนำเสนอสมุดปกขาวในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออกทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ว่าจะนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือจะรอนำเสนอว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ จากเดิมมีแผนจะเสนอรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเพื่อผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ แต่รัฐบาลได้สิ้นสภาพเสียก่อนจึงต้องชะลอออกไป

ทั้งนี้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออกที่จะนำเสนอในครั้งนี้ ยังคงเป็นแนวทางเดิมที่เคยเสนอกระทรวงพาณิชย์ไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปการค้า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการค้า หรือ "เทรดเนชั่น" เพื่อให้การส่งออกมีความยั่งยืน ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาแบบปีต่อปี หรือเมื่อมีปัญหาแล้วถึงมาพูดคุยกัน ตลอดจนขอการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ หรืออินไดเร็กเอ็กซ์ปอร์ต ในลักษณะเดียวกับเจโทร ของญี่ปุ่น

"ขณะนี้ไทยยังไม่มีกลยุทธ์ทางการค้าที่ชัดเจน ต่างชาติที่เข้ามาก็จะมาหาผลประโยชน์จากเรา ดังนั้น เราควรทำอย่างไรให้ดูโดดเด่นขึ้นมา  เช่นต้องเน้นการค้าเป็นตัวนำอย่าง สินค้าเกษตร การบริการ เพราะที่ผ่านมาเน้นสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก" นายนพพร กล่าว

สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เวลานี้อยู่ในช่วงปฏิรูปและรอวันเปลี่ยนผ่าน ในส่วนของผู้ประกอบการและคู่ค้าต่างประเทศต่างแสดงความเป็นห่วงหรือมีความกังวลที่แตกต่างกันไป เช่น กังวลนโยบายทางด้านการทูต อาจทำให้การดำเนินการด้านการค้าเกิดความผิดพลาด และอาจจะกระทบกับการส่งออกของไทยได้ เช่น ขณะนี้ทางสหรัฐฯ ได้นำเรื่อง รัฐประหารมากดดันไทย โดยขู่ว่าจะใช้มาตรการทางการค้ากับไทย

ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศของไทยเริ่มมีความชัดเจน และเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น หากสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ก็น่าจะช่วยผลักดันการส่งออกสินค้าให้ขยายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลว่าจะดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจ การค้า การทูต จนเป็นที่ยอมรับของต่างชาติได้มากน้อยเพียงใด

นายนพพร กล่าวว่า "แนวโน้มการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้น่าจะโตไปในทิศทางบวก 1-2% เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ามาหมดแล้ว ส่วนในไตรมาสที่ 3 และ 4 การส่งออกของไทยน่าจะขยายตัวได้ 5-6% ซึ่งหากไม่เจอข้อกฎระเบียบของสหรัฐฯที่จะนำมาบีบการค้าของไทยน่าจะโตตามคาดการณ์ของสภาผู้ส่งออกในปีนี้ที่ 3%"

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลต่อการส่งออก 4 ปัจจัย ประกอบด้วย

1. เศรษฐกิจโลก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะล่าสุดทางธนาคารโลกออกมาเตือนเรื่องการเงินของโลกยังมีความผันผวน

2. การเมืองระหว่างประเทศ ที่ยังคงมีความตึงเครียด อาจจะกลายเป็นสงครามเย็นอีกรอบระหว่างสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น รัสเซีย จีน ที่ต่างก็มีข้อพิพาทระหว่างกัน ดังนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองระหว่างประเทศได้

3. ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

4. สหรัฐฯ ที่จะเล่นเกมการเมืองกับไทย พยายามบีบบังคับไทยทางอ้อม เนื่องจากไม่ต้องการให้ไทยหันไปพึ่งพาจีนกับรัสเซีย โดยอาจอาจใช้กรอบการค้ามากดดันไทย เช่น แรงงาน  เป็นต้น

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ