HOT

ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยปีนี้ไปไม่ถึงฝัน คาดต่ำกว่า 1.2 ล้านคันแน่นอนแล้ว
POSTED ON 23/06/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค.2560 การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 90,092 คัน ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในทุกตลาด คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 48,014.47 ล้านบาท ลดลง 12.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 

ส่วนยอดรวมการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.2560) มีทั้งสิ้น 443,320 คัน ลดลง 9.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 233,899.69 ล้านบาท ลดลง 10.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค.2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 169,495 คัน โดยเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ 82,348 คัน เพิ่มขึ้น 17.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลิตเพื่อส่งออกจำนวน 87,147 คัน ลดลง 11.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.2560) มีจำนวนทั้งสิ้น 775,523 คัน ลดลง 4.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง 10.66%

 

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในปีนี้อาจต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.2 ล้านคัน หลังจากช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดส่งออกลดลง 9.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะยอดส่งออกไปตลาดตะวันออกกลางที่ลดลงอย่างมาก หลังได้ออกระเบียบเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเพื่อลดมลพิษ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีการปรับเป้าส่งออกเพราะยอดส่งออกลดลงต่อเนื่องกันมา 11 เดือนแล้ว ทั้งนี้ คงต้องรอดูตัวเลขเดือน มิ.ย.2560 ก่อน

 

ด้าน นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังประกาศปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดว่าน่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะการเพิ่มยอดขายในประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมารถไฮบริดมีราคาแพง ทำให้ยังไม่เกิดแรงจูงใจผู้บริโภคให้เลือกซื้อ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมแล้ว เพราะรถไฮบริดไม่ต้องพึ่งพา Infrastructure ในเรื่องการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าหรือสถานีเติมเชื้อเพลิงเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าหรือใช้ไฮโดรเจน

 

ขณะที่ทางด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในการเปิดงาน Automotive Summit 2017 ว่า รัฐบาลเตรียมมาตรการจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย เพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจสู่ Thailand 4.0 โดยพร้อมสนับสนุนทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่ม First S-Curve และ (2) กลุ่ม New SCurve

 

“สำหรับในภาคยานยนต์ของไทยนั้น จะมุ่งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยียานยนต์ที่ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับต้น ๆ ในอนาคต และจะมอบสิทธิพิเศษด้านการลงทุนให้แก่ผู้ผลิตหุ่นยนต์ที่มาเปิดกิจการภายในประเทศด้วย พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว