HOT

ก.พาณิชย์ อาสาเคลียร์ปัญหาอุตฯเหล็กทั้งระบบ
POSTED ON 28/01/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จำนวน 24 ราย และภาครัฐที่เกี่ยวข้องอีก 8 หน่วยงาน ว่า กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลสินค้าเหล็กทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก และวางแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของไทยให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นและแข่งขันได้

 

"วันนี้เราได้รับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน ทั้งฝ่ายที่ต้องใช้เหล็ก ฝ่ายที่ผลิตเหล็ก ว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไร ต้องการให้รัฐช่วยเหลืออะไร ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วก็จะนำไปหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนในการแก้ไขปัญหาและวางแผนในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของไทยต่อไป ซึ่งอยากจะทำให้เสร็จโดยเร็ว เพราะต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ อุตสาหกรรมเหล็กของไทยมีการพัฒนา" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

 

ทั้งนี้ ในการหารือฝ่ายที่ต้องใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบ ได้แจ้งว่าต้องการให้ภาครัฐเปิดให้มีการนำเข้าเหล็กให้มากขึ้น โดยเฉพาะเหล็กราคาถูกจากต่างประเทศ แต่ขณะที่ฝั่งผู้ผลิตไม่ต้องการให้มีการนำเข้ามาก เพราะปัจจุบันนี้กำลังการผลิตไม่ได้ใช้เต็มกำลัง และหากมีเหล็กนำเข้ามามากก็จะทำให้อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ

 

ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการปกป้องการนำเข้า ทำให้ต้นทุนการใช้เหล็กสูงขึ้น ซึ่งกระทรวงฯได้ยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อดูแลผู้ผลิตในประเทศ แต่หลังจากนี้ไปเมื่อได้รับทราบข้อมูลจากทั้งฝ่ายผู้ใช้และผู้ผลิตแล้ว ก็จะมาดูว่าจุดที่เหมาะสมอยู่ตรงไหน ควรจะมีมาตรการดูแลอย่างไร ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปเตรียมข้อมูลเพื่อนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

 

ด้าน นายทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการให้อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอยู่ร่วมกันได้ โดยอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลราคาสินค้าเหล็กทั้งระบบ โดยเฉพาะการดูแลราคา อย่าดูแค่ราคาจากโรงงาน ขอให้ตามดูราคาในส่วนของยี่ปั๊วซาปั๊วด้วย เพราะราคาตรงจุดนี้อาจจะมีปัญหาได้

 

นอกจากนี้ ต้องดูแลไปถึงปริมาณ สินค้าเพราะบางครั้งแม้จะยอมจำหน่ายในราคาที่กำหนด แต่มักอ้างว่าไม่มีสต็อก จึงไม่สามารถส่งของได้ ส่วนการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าเหล็กนำเข้า ขอให้ใช้ให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงทั้งฝ่ายผู้ใช้และผู้ผลิต

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือน ก.พ.2558 นี้ จะมีการนัดหารือกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เอกชนจะเป็นเจ้าภาพ และจะเชิญหน่วยงานภาครัฐมาหารือ เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือให้ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเหล็กแจ้งต้นทุนให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการที่เหมาะสม