FINANCE & INVESTMENT

CPF ตั้งเป้ายอดขายปี 64 โต 8-10% รับแรงหนุนบริโภคทั่วโลกฟื้น-ราคาสุกรยังสูง
POSTED ON 09/12/2563


 

 

นางกอบบุญ ศรีชัย เลขานุการบริษัทและหัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และตลาดทุน บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 8-10% จากปีนี้ รับปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของการบริโภคทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลงมากขึ้น ทำให้การบริโภคเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากนั้น แนวโน้มราคาเนื้อสุกรยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าอาจจะลดลงจากปีนี้บ้างเล็กน้อย หลังจากสถานการณ์โรค ASF ในสุกรคลี่คลายลง ทำให้ปริมาณซัพพลายเนื้อสุกรในตลาดกลับมาเพิ่มขึ้นบ้าง แต่คงไม่รวดเร็วมากนัก และไม่ได้ส่งผลกดดันต่อราคาเนื้อสุกรในปีหน้ามาก

ขณะเดียวกันในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้จากการลงทุนในโรงงานผลิตเนื้อสุกรในประเทศจีนเข้ามาเต็มปี จากที่เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/63 ราว 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 64 บริษัทยังคงเน้นการส่งออกที่มีสัดส่วนยอดขายมากถึง 70% เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะส่งออกไปที่ตลาดในจีน และเวียดนามที่มีการบริโภคเนื้อสัตว์ในปริมาณสูง ซึ่งตลาดทั้ง 2 ประเทศนั้น บริษัทมีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 28% และ 18% ตามลำดับ ส่วนการขายในประเทศมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 30%

กลุ่มสินค้าของบริษัทยังคงเป็นกลุ่มสินค้าสัตว์บกที่มีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด 87% และกลุ่มสินค้าสัตว์น้ำอยู่ที่ 13% เนื่องจากความต้องการบริโภคสัตว์บกมีเพิ่มขึ้น และบริษัทมีการผลิตเนื้อสัตว์บกเป็นหลัก โดยเฉพาะเนื้อสุกรและเนื้อไก่ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักของบริษัท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการบริโคเนื้อสัตว์ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวมากขึ้น ราคาเนื้อสุกรที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การขายเนื้อสุกรยังมีมาร์จิ้นที่ดี และเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในโรงงานผลิตเนื้อสุกรในจีนเข้ามาเสริม โดยที่ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำยอดขายได้แล้ว 4.4 แสนล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านความคืบหน้าดีลการเข้าซื้อเทสโก้ โลตัส ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยมองว่าหากปี 64 ดีลการซื้อเทสโก้ โลตัส เสร็จสิ้นได้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้กับกำไรของบริษัท จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของเทสโก้ โลตัส เข้ามา ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 20% อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทมากขึ้น ทำให้มีช่องทางการขายสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลาย