FINANCE & INVESTMENT

SSP วางเป้าปี 64 ดันนิวไฮต่อเนื่องรับ COD 2 โรงไฟฟ้า
POSTED ON 13/01/2564


 

 

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 20% ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจากปี 63 ตามการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มอีก 2 โครงการ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้งและเสนอขายตามสัญญา 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ภายในเดือน ต.ค.64 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น กำลังการผลิตติดตั้ง 26 เมกะวัตต์ และปริมาณขายตามสัญญา 20 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ภายในเดือน ส.ค.64 ส่งผลทำให้ปีนี้ SSP จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 143 เมกะวัตต์

 

"ปีนี้เราจะสามารถ COD เพิ่มเติมได้อีก 2 โครงการ ทำให้รายได้ก็น่าจะเติบโตมากขึ้นตามเมกะวัตต์ และจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 65 เนื่องจาก 2 โครงการในญี่ปุ่นและเวียดนามจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีหน้า ซึ่งบริษัทฯ ก็ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ส่วนกำไรสุทธิก็เติบโตไปตามรายได้" นายวรุตม์ กล่าว

 

ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนพลังงานทดแทนอีกหลายโครงการ ขนาดกำลังการผลิตโครงการละไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ คาดจะเห็นความชัดเจนได้อย่างน้อย 1 โครงการในไตรมาส 2/64 และน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี 64 หรือต้นปี 65

 

นอกจากนี้ ยังเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ที่คาดภาครัฐจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในไตรมาส 2/64 รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, โรงไฟฟ้าไบโอแมส ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

 

นายวรุตม์ กล่าวว่า สำหรับการเข้าซื้อกิจการนั้น บริษัทมองเห็นโอกาสในช่วงที่โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่อาจทำให้บางกิจการไม่สามารถไปต่อได้ จึงอยากใช้โอกาสนี้เข้าลงทุน โดยวางงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ที่ 500-600 ล้านบาท

 

ส่วนการทำรายการขายหุ้นบิ๊กล็อต SSP และ SSP-F รวม 32,043,000 หุ้น คิดเป็นราว 3.48% ของทุนชำระแล้ว ให้กับกองทุน 3-4 แห่ง เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้เดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ทำให้มีกองทุนให้ความสนใจอยากเข้ามาถือหุ้น จากราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ธุรกิจของ SSP ก็ถือว่าอยู่ในเทรนด์พลังงานทดแทน โดยเฉพาะจากนโยบายของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐต้องการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น SSP จากฟรีโฟลตที่เพิ่มขึ้น