FINANCE & INVESTMENT

บ้านปูฯ เผยผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 ยังมีเสถียรภาพ เน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดทันที
POSTED ON 13/08/2563


 

 

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกปิดครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยเน้นการเพิ่มและรักษากระแสเงินสด จากการปิดดีลการเข้าซื้อก๊าซธรรมชาติแหล่งใหม่ได้เร็วขึ้น และจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการจากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่วิกฤติ

โควิด-19 ส่งผลกระทบให้ความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงลดลง ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากมาตรการระยะสั้น ทั้งการลดค่าใช้จ่ายทั่วทั้งองค์กร ควบคู่ไปกับการปรับตัวทางด้านการดำเนินงานที่มุ่งเน้นชัยชนะเล็ก ๆ ระหว่างทาง (Short-term wins)

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า “ช่วงครึ่งปีแรก บ้านปูฯ ประสบความท้าทายจากผลกระทบของโควิด-19 อย่างไรก็ดี เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านผลประกอบการและความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เราได้พยายามทุกวิถีทางในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนทางธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน โดยได้ดำเนินมาตรการระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพและหลากหลาย ได้แก่ การดำเนินมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ และบริษัทในเครือลงร้อยละ 20 การชะลอการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง เน้นการทำธุรกิจในประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจสูงและมีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ การซื้อขายที่มีสัญญาประกันราคาขาย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนต่าง ๆ ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) ในประเทศเวียดนาม มูลค่าการลงทุนจำนวน 66 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,038.74 ล้านบาท) โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จึงช่วยเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัทฯ ได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในสหรัฐอเมริกา ที่ปรับเปลี่ยนวันปิดรายการจากภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บ้านปูฯ สามารถรับรู้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของแหล่งบาร์เนตต์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 หรือเร็วขึ้น 1 ไตรมาส”

ภาพรวมของการประกอบการของกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานในครึ่งปีแรกของปี 2563 นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนวันปิดรายการซื้อในสัญญาซื้อขายแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดแล้ว บริษัทฯ ยังดำเนินมาตรการลดรายจ่ายในการลงทุน (CAPEX) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้เชื้อเพลิงที่ลดลงในภาคอุตสาหกรรมในช่วงโควิด-19 ทำให้มีอุปทานในตลาดสูงและราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price: ASP) ของถ่านหินลดลง อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังจะกลับมาดีขึ้นในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หลังจากเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกัน บ้านปูฯ ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตในธุรกิจถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังคงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากรายงานดัชนีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) เต็มร้อยละ 100 ส่วนโรงไฟฟ้าหงสา อยู่ที่ร้อยละ 63 เนื่องจากมีการหยุดเดินเครื่องของหน่วยผลิตที่ 3 ในช่วงระหว่างปลายเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการเดินเครื่องในระยะยาว หลังพบความผิดปกติของบางอุปกรณ์ในเครื่องจักร

โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยผลิตที่ 3 ได้กลับมาเดินเครื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีนและญี่ปุ่น สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีนนั้น ก็มีการดำเนินงานคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 83 และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานยังคงดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังมีการขยายพอร์ตเทคโนโลยีพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกภาคส่วน รวมทั้งยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ โดยมีธุรกิจระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยสร้างรายได้ ด้วยกำลังการผลิตที่ 172 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นและให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีพลังงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เป็นทั้งในระดับธุรกิจ อุตสาหกรรม และบุคคล เช่น การเปิดเส้นทางใหม่ของบริการรถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้า MuvMi เพิ่มเติม การเปิดตัว อีเฟอร์รี่” เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นต้น

“ท่ามกลางความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บ้านปูฯ ยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการยึดหลักกลยุทธ์ Greener & Smarter และเทรนด์ 3Ds ซึ่งประกอบด้วย การกระจายตัวการผลิตและจำหน่ายพลังงานแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) การใช้พลังงานที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และการใช้เทคโนโลยีดิจิตอล (Digitalization) ทั้งนี้ เรายังเน้นการทำงานด้วยแนวคิด 'Working Agility’ และค่านิยมองค์กร 'Banpu Heart’ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านปูฯ มีความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและสามารถผ่านวิกฤติต่าง ๆ มาได้อยู่เสมอ” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย