FINANCE & INVESTMENT

EPCO กำไรปี 62 โตทะลุหุ้นละ 71 สต. เล็งย้ายเทรดหมวดพลังงาน
POSTED ON 03/03/2563


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

EPCOประกาศกำไรปี 62 แตะ 651.72 ล้านบาท ตกหุ้นละ 71 สต. ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รับรู้กำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 525 เมกะวัตต์ ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์คึกคักรับยุคออนไลน์ฮอต ขณะที่บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น เล็งย้ายเทรดหมวดพลังงาน และให้ศึกษาออกกองทุนอินฟราฟันด์ ฟาก "ยุทธ ชินสุภัคกุล" บิ๊กบอส มั่นใจปี 63 ผลงานแจ่ม เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่ม

นายยุทธ ชินสุภัคกุลประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 651.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันปีก่อนขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,530.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55%จากงวดเดียวกันปีก่อน

ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ซึ่งดำเนินธุรกิจโดยบริษัท เวิลด์ พริ้นติ้ง แอนด์ แพ็คเกจจิ้ง หรือ WPP ซึ่งได้เริ่มผลิตกล่องในเดือนตุลาคม 2562 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จากกระแสธุรกิจออนไลน์ที่มีการเติบโตสูงและเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นถุงกระดาษ และผลิตภัณฑ์ Bio-Degradable เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเติบโตได้ต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำงวดปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และกำหนดปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2563 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ซึ่งจะมีการนำเสนอให้พิจารณาในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563

รวมถึงให้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อบริษัทจากบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เป็น บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ ชื่อย่อ EP เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้และกำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้ามากกว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มาตั้งแต่งวดไตรมาส 2/2560 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาการย้ายหมวดธุรกิจจากสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหมวดพลังงาน และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่ทันที

ขณะเดียวกันพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อยโดยให้ทำประมาณการการลงทุนไว้ พร้อมกับให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) เพื่อระดมทุนในอนาคต เพราะที่ผ่านมามีสถาบันทั้งใน และต่างประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก

นายยุทธกล่าวต่อว่า แผนธุรกิจปี 2563 บริษัทฯ มั่นใจว่ายังคงรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการต่าง ๆ ที่ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปีที่ผ่านมา และจะสามารถรับรู้ได้เต็มปี ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติมโดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละโครงการซึ่งบริษัทฯมีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน