FINANCE & INVESTMENT

เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกปี 2562 พร้อมเผยแผนเร่งเครื่องธุรกิจแพคเกจจิ้งรับโอกาส
POSTED ON 28/10/2562


 

 

SCG เผยผลประกอบการไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกปี 2562 ของเอสซีจี กำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกำไรเพิ่มขึ้น พร้อมเผยแผนเร่งเครื่องธุรกิจแพคเกจจิ้งรับโอกาสตลาดเติบโต

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า "งบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของเอสซีจี ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2562 มีรายได้จากการขาย 110,330 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 6,204 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากผลประกอบการที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ เนื่องจากมีส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลง การกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี จำนวน 1,063 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของบริษัทร่วม สงครามการค้าที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินบาทที่แข็งค่า ประกอบกับการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี (assets impairment) จำนวน 762 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำนวน 640 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเซรามิกในต่างประเทศ ทั้งนี้ หากไม่รวมการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีดังกล่าว จะทำให้เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 7,267 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน

นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า "แม้ผลประกอบการของเอสซีจีในช่วงไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกปี 2562 จะได้รับผลกระทบหลักจากธุรกิจเคมิคอลส์ที่มีกำไรลดลงตามวัฏจักรปิโตรเคมี เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของบริษัทร่วม แต่ธุรกิจเคมิคอลส์ยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก โดยล่าสุดได้นำนวัตกรรมพลาสติกเพื่อความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Passion for a Better World ไปจัดแสดงในงานนิทรรศการ K2019 ที่เยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมสินค้าพลาสติกและยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาทิ เม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนจากเทคโนโลยี SMX ของเอสซีจี ที่มีความแข็งแรง ทำให้ใช้เม็ดพลาสติกน้อยลง แนวคิดนวัตกรรม Mono-Material Packaging ที่ทำให้บรรจุภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย และเม็ดพลาสติกที่พัฒนาจากสูตรการผสมเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษของเอสซีจี กับพลาสติกชนิด Post-Consumer Recycled Resin (PCR) ตลอดจนการบริหารจัดการต้นทุนและการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยังสามารถสร้างรายได้ให้เอสซีจีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดจะค่อนข้างอ่อนตัวลงโดยเฉพาะตลาดเซรามิกในต่างประเทศ แต่เอสซีจียังคงมุ่งเน้นการรุกธุรกิจค้าปลีกและจัดจำหน่าย ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงนวัตกรรมสินค้าและบริการต่างๆ ในทุกช่องทางได้อย่างสะดวกสบาย หลากหลายโซลูชั่น ตลอดจนการพัฒนา Construction Solution ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาการก่อสร้างอย่างครบวงจร พร้อมยกระดับวงการก่อสร้างไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ส่วนธุรกิจแพคเกจจิ้ง ซึ่งมีศักยภาพที่โดดเด่นโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เอสซีจีได้อนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทเอสซีจี แพจเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) ไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนชำระแล้วของ SCGP ภายหลังการเพิ่มทุน และนำ SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต และเพื่อให้ SCGP สามารถระดมทุนมาใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจแพคเกจจิ้งของเอสซีจีทั้งในและต่างประเทศให้เติบโต รวมทั้งเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความพร้อมในการรองรับการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยที่เอสซีจีจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และมีอำนาจควบคุม SCGP ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 และ SCGP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเอสซีจีเช่นเดิม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เอสซีจีได้รับประโยชน์กลับมาจากผลการดำเนินงานของ SCGP ที่มีโอกาสสร้างมูลค่าการเติบโตในอนาคตได้ดียิ่งขึ้นด้วย" นายรุ่งโรจน์ กล่าวสรุป